Articles Tagged with

CRM

Einstein GPT
บทความ

ทำความรู้จักกับ Einstein GPT (generative AI)

Einstein GPT เป็นนวัตกรรมเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดจากทาง Salesforce โดยตัว Einstein ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ของ Salesforce ที่สร้าง Predictions กว่า 200 พันล้านครั้งต่อวันบนระบบ CRM แบบเรียลไทม์อย่าง Customer 360 ซึ่งการ ‘ผสานโมเดล AI ของ Einstein เข้ากับ ChatGPT’ หรือโมเดลภาษาชั้นนำอื่น ๆ ลูกค้าสามารถใช้ Natural-Language Prompts ภายใต้ระบบข้อมูล CRM เพื่อเข้าใช้งานระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาและสร้างคอนเทนต์ได้เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น

Einstein GPT ถูกสร้างขึ้นโดยรวมข้อมูลจาก ‘Business Partner Salesforce Ecosystem’ และ ‘ข้อมูลของลูกค้าที่มีอยู่แบบเรียลไทม์จากแพลตฟอร์ม Salesforce Data Cloud’ ซึ่งนำมาเชื่อมต่อกับ ‘OpenAI’ และโมเดลอื่น ๆ ที่ใช้ในธุรกิจ โดยลูกค้าสามารถใช้ Natural-language prompts ภายใต้ระบบ CRM ของ Salesforce เพื่อสร้างคอนเทนต์หรือข้อความอัตโนมัติ

ประโยชน์ของ Einstein GPT ในด้านต่างๆ

เช่น Einstein GPT for Sales ช่วยในงานขายเช่นการร่างอีเมล, สร้างตารางการประชุม และการโต้ตอบในบทสนทนาแบบอัตโนมัติ

Einstein GPT for Service ช่วยในงานบริการเพื่อสร้างเอกสารและตอบกลับลูกค้าด้วยเนื้อหาเฉพาะบุคคล

Einstein GPT for Marketing ช่วยในงานการตลาดเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเจาะจงและ personalized ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่นอีเมล, โทรศัพท์มือถือ, เว็บไซต์ และโฆษณา, Einstein GPT for Slack Customer 360 apps เพิ่มประสิทธิภาพการนำเสนอข้อมูลลูกค้าผ่าน AI บนแอปพลิเคชัน Slack, Einstein GPT for Developers ช่วยในการสร้างโค้ดและสร้างคำถามสำหรับภาษาต่าง ๆ เช่น Apex เป็นต้น

Einstein GPT สามารถทำงานร่วมกับโมดูลต่าง ๆ ของ Salesforce ในแต่ละงาน เช่นช่วยฝ่ายขายร่างอีเมล, บอตตอบลูกค้าอัตโนมัติ, สร้างสรรค์เนื้อหาเว็บไซต์สำหรับลูกค้า, ทำสรุปเนื้อหาเพื่อการนำเสนอ และช่วยเขียนโค้ดได้ด้วย

นอกจากนี้ Slack ยังประกาศรองรับแอปย่อย ChatGPT สำหรับ Slack ซึ่งเป็นตัวช่วยสำหรับงานต่าง ๆ เช่นการเขียนสรุปเนื้อหาจากห้องแชท, การค้นหาคำตอบจากคำถามในการสนทนา และการร่างจดหมายหรือข้อความตอบ

สรุป

Salesforce Einstein GPT เป็นโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้ธุรกิจใช้ประโยชน์จากการ Generative AI สำหรับกรณีการใช้งานต่างๆด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจและสร้างข้อความที่เหมือนมนุษย์ Einstein AI สามารถปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างมากปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ และขับเคลื่อนการเติบโต การทำตามขั้นตอนการเตรียมข้อมูลและการประมวลผลล่วงหน้า การฝึกอบรมโมเดลภาษา

การปรับแต่งสำหรับงานเฉพาะ ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มที่จึงทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรม และด้วยศักยภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงจึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจต่างๆ กำลังมองหาการนำ EinsteinGPT ไปใช้ในการดำเนินงานมากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
B2C ควรใช้ Salesforce
บทความ

ทำไมธุรกิจกลุ่ม B2C ควรที่จะใช้ระบบ CRM ?

การดำเนินธุรกิจกลุ่ม B2C ( Business-to-Customer) ต้องการระบบที่จะเข้ามาช่วยจัดการกับลูกค้าที่มีความซับซ้อนและมีปริมาณมาก จึงเป็นที่มาของการที่จะต้องตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า และการเชื่อมต่อกับ Partner และช่องทางการขายอื่น ๆ การใช้ Salesforce เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจ B2C สามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3 เหตุผลที่กลุ่มธุรกิจ B2C ควรใช้ Salesforce

1.การจัดการลูกค้าที่เป็นระบบ: Salesforce มีระบบการจัดการลูกค้าที่เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจ B2C ในการติดตามข้อมูลลูกค้า การซื้อขาย และการสื่อสาร ทั้งการบันทึกข้อมูลลูกค้า การติดตามประวัติการสั่งซื้อ การจัดตารางการติดต่อลูกค้า และการสร้างการติดตามลูกค้าอัตโนมัติ เพื่อให้ธุรกิจสามารถให้บริการที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.การเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย: Salesforce มีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการขายของธุรกิจ B2C ผ่านการจัดการข้อมูลลูกค้า เครื่องมือการบริหารการขายออนไลน์ การติดตามและการประเมินผลการขาย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของทีมขาย วิเคราะห์การขาย และพัฒนายอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์: Salesforce มีการรวมข้อมูลลูกค้าที่ทันสมัยและการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ที่ช่วยให้ธุรกิจ B2C สามารถปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด การสร้างสินค้าและบริการใหม่ และการทำเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ทันสมัยได้ นอกจากนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้ายังช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจลูกค้าในระดับลึกมากขึ้น เพื่อให้สามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

B2C หรือธุรกิจที่เน้นขายสินค้าหรือบริการตรงไปยังผู้บริโภคทั่วไป, เป็นกลยุทธ์การตลาดที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง องค์ประกอบหลักของธุรกิจ B2C คือความสะดวกในการเข้าถึงผู้บริโภค ซึ่งสามารถขายผ่านช่องทางออนไลน์หรือสื่อโซเชียลได้อย่างง่ายดายและมีความหลากหลายในการเสนอสินค้าหรือบริการ

ธุรกิจประเภท B2C มักเน้นการตอบโจทย์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคทั่วไป และมีการเฉพาะเจาะจงตามตลาดผู้บริโภค อย่างเช่นการขายเครื่องสำอางค์ ขายเสื้อผ้า ขายอาหาร ขายเครื่องซักผ้า ขายรถยนต์ ให้บริการทำเล็บ หรือบริการทัวร์ และอื่น ๆ

ในปัจจุบัน, ธุรกิจประเภท B2C มักใช้ช่องทางออนไลน์และสื่อโซเชียลเป็นหลักในการเผยแพร่สินค้าหรือบริการ เนื่องจากช่องทางเหล่านี้ช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีความหลากหลายในการเลือกซื้อมากขึ้น

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
CRM ช่วยให้ธุรกิจเติบโต
บทความ

กุญแจสำคัญของ CRM ที่ทำให้ธุรกิจเติบโต

วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าอะไรคือกุญแจสำคัญในการใช้ระบบ CRM เพื่อให้ธุรกิจเติบโตขึ้น 

แน่นอนว่าลูกค้าคือหัวใจสำคัญของธุรกิจหากไม่มีลูกค้าธุรกิจก็ไม่สามารถที่จะอยู่ได้ เพราะเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่จะต้องมีการบริการลูกค้าที่ดีหากไม่มีการบริการที่ดีและรวดเร็วก็อาจจะทำให้สูญเสียลูกค้าไปกับคู่แข่งได้มากไปกว่านั้นแพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) จะช่วยให้เข้าใจลูกค้าและความต้องการได้ดียิ่งขึ้น โดยการเก็บข้อมูลของลูกค้า Customer journey ตั้งแต่ต้นจนถึงปิดการขาย

CRM มีความจำเป็นต่อความสำเร็จในธุรกิจระยะยาว

แพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) มีความสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ ธุรกิจต่างๆสามารถจัดการการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาส และปรับปรุงการบริการลูกค้าโดยการทำงานอัตโนมัติและทำหน้าที่เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลลูกค้า

มาดู 5 เหตุผลว่าทำไมแพลตฟอร์ม CRM จึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร

1. การจัดเก็บและการบริหารข้อมูลลูกค้า: การนำเข้าและจัดเก็บข้อมูลลูกค้าให้เป็นระบบชัดเจนจะช่วยให้ธุรกิจมีฐานข้อมูลที่เต็มเปี่ยมด้วยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับลูกค้า ทำให้สามารถวิเคราะห์และเข้าใจลูกค้าได้อย่างละเอียด และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น การบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าด้วย CRM จะช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในการค้นหาข้อมูล และเพิ่มความมั่นใจในความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลลูกค้าเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น

2. การสร้างความสัมพันธ์และความลึกซึ้งกับลูกค้า: CRM ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้อย่างราบรื่น โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมซื้อขายของลูกค้า ประวัติการติดต่อ และความต้องการอื่นๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองและบริการลูกค้าในระดับที่สูงขึ้น การสร้างความลึกซึ้งในความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าจะช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจและความลุ่มลึกในธุรกิจ

3. การวิเคราะห์และการนำเสนอข้อมูล: CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ด้วยรายงานและแดชบอร์ดที่สร้างขึ้นมาเฉพาะ ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า วิเคราะห์แนวโน้ม และจัดทำรายงานที่ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. การติดตามและการบริการหลังขาย: CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามการซื้อขายและการบริการหลังขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบสถานะของคำสั่งซื้อ ประวัติการสั่งซื้อ และการติดตามปัญหาหรือข้อร้องเรียนของลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถให้บริการลูกค้าในระยะยาวได้ดีขึ้นและสร้างความพึงพอใจในลูกค้า

5. การปรับปรุงกระบวนการธุรกิจ: CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกระบวนการธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการการขาย การบริการลูกค้า และการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยข้อมูลที่เก็บรวบรวมจาก CRM ธุรกิจสามารถตรวจสอบปัญหาและพัฒนากระบวนการธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพในการดำเนินธุรกิจได้

สรุป

จาก 5 ข้อด้านบนที่ผู้อ่านได้อ่านมาจะกุญแจสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จแต่ในหลายๆธุรกิจอาจมีกุญแจและมุมมองที่แตกต่างกันไปตามความเฉพาะของธุรกิจและกลุ่มลูกค้าที่เป้าหมาย

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
ประโยชน์และข้อดีของ Omni channel
บทความ

ประโยชน์และข้อดีของ Omni channel

ท่ามกลางความคาดหวังของลูกค้าในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กลยุทธ์ Omnichannel ได้ขยายออกไปและมีอิทธิพลต่อลูกค้าทั่วโลก ครั้งหนึ่งเคยเป็นมีแต่ธุรกิจขนาดใหญ่และแบรนด์มูลค่าหลายพันล้านที่สามารถใช้ระบบ Omnichannel ได้ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทในทุกๆขนาด ปัจจุบันลูกค้าทั่วโลกกำลังมองหาประสบการณ์การซื้อที่เหมือนกับเวลาซื้อบนเว็บไซต์ Amazon เพียงแค่มีเว็บไซต์และการให้บริการลูกค้าที่ได้มาตรฐานนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในปัจจุบัน มากไปกว่านั้นธุรกิจต่างๆยังต้องสร้างความโดดเด่นในทุกด้านขององค์กรตนเอง ดังนั้น Omnichannel เลยเป็นคำตอบสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน

ประโยชน์ของการตลาดแบบ Omnichannel

แนวโน้มการซื้อของลูกค้าในปัจจุบันไม่ใช่เส้นตรงอีกต่อไปหมายความว่าลูกค้าสามารถเข้าไปได้จากหลากหลายช่องทางในบางครั้งลูกค้าอาจจะเข้ามาชมสินค้าผ่านหน้าเว็บหรือโซเชียลมีเดียแต่สุดท้ายแล้วลูกค้าคนดังกล่าวอาจจะซื้อผ่านอีคอมเมิสหรือผ่านตัวเซลล์โดยตรง

key-benefits-of-omnichannel-marketing

revechat.com/blog/omnichannel-benefits/

1.ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้นและช่วยเพิ่ม Loyalty

การตลาดแบบ Omni จะมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ทางการตลาดที่สอดคล้องกันผ่านจุดติดต่อและแพลตฟอร์มที่หลากหลาย (Customer touchpoints) ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ผ่านโฆษณา วิทยุ โฆษณา โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ ฯลฯ จากประโยชน์ของการตลาดแบบหลายช่องทางธุรกิจมีโอกาสที่จะเจอลูกค้าที่หลากหลายมากกว่าเดิมและทำ Personalization เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายอีกครั้งเพื่อให้เกิดการซื้อ

2.การรับรู้แบรนด์เพิ่มมากขึ้น

การมีกลยุทธ์การตลาดแบบหลายช่องทางหมายความว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่สม่ำเสมอและราบรื่นในทุกช่องทางทุกครั้งที่พบแบรนด์หรือสินค้า ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าได้รับประสบการณ์ส่วนบุคคล(Personalization) บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ดังนั้นบนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปก็ควรที่จะได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจเหมือนกัน กลยุทธ์การตลาดหลายช่องทางที่ออกแบบมาอย่างดีเพื่อที่จะช่วยเพิ่มการรับรู้จากกลุ่มเป้าหมายหากแบรนด์ของคุณเคยทำการตลาดมาก่อนอย่างน้อยที่สุดลูกค้าก็คุ้นเคยกับชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณสิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่างมาก

3.ช่วยเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจ

ประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของการตลาดแบบหลายช่องทางคือการเพิ่ม ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ROI เป็นการวัดผลที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในทางการตลาด กลยุทธ์การตลาดแบบหลายช่องทางสามารถประสบความสำเร็จอย่างมาก เมื่อการมีส่วนร่วมของลูกค้าที่ดีขึ้นจะนำไปสู่ Conversion และรายได้ทางธุรกิจที่สูงขึ้น

สรุป

Omnichannel คือ การใช้ช่องทางต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อและซื้อ-ขาย โดยให้ลูกค้าสามารถติดต่อแบรนด์ได้ทุกช่องทางโดยไม่มีความสะดุดตอบรับ แนวคิดหลักของ Omnichannel คือการเชื่อมโยงและซิงค์ข้อมูลทุกช่องทางเพื่อให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าและสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น

กระบวนการในการทำ Omnichannel รวมถึงการเลือกใช้ช่องทางต่างๆ การเชื่อมต่อช่องทาง การมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้า และการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์ แม้ว่าการดูและดำเนินการในรูปแบบ Omnichannel อาจจะดูซับซ้อน แต่ธุรกิจสามารถใช้ซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือเป็นตัวกลางในการดำเนินการได้

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Salesforce net zero cloud
บทความ

มาทำความรู้จักกับ Salesforce Net Zero Cloud

Net zero world คือโลกที่สมดุล การบรรลุเป้าหมาย Net Zero Cloud นั้นหมายถึงการที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเกินกว่าที่เราจะกำจัดออกไปได้ ไม่ว่าจะโดยวิธีธรรมชาติหรือผ่านการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย และตอนนี้โลกก็กำลังเข้าสู่สภาวะที่ร้อนขึ้นในทุกๆปี และในทุกๆ 5 ปีโลกจะอุณภูมิสูงขึ้นเฉลี่ย 5 องศา ดังนั้นจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า Salesforce Net Zero Cloud ขึ้นมาเพื่อคอยควบคุมและดูแลบริษัทต่างๆไม่ให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดมาตรฐานที่รัฐบาลของแต่ละประเทศได้กำหนดเอาไว้

Salesforce Net Zero Cloud คืออะไร ?

Salesforce Net Zero Cloud ก็คือซอฟแวร์โซลูชั่นที่จะเข้ามาคอยควบคุมและดูแลบริษัทต่างๆไม่ให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดมาตรฐานที่รัฐบาลของแต่ละประเทศได้กำหนดเอาไว้ ซึ่งเป้าหมายของ Net Zero Cloud คือการช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้าง Carbon Footprint ที่แม่นยำและใช้งานได้จริงพร้อมสำหรับการตรวจสอบจากนักตรวจสอบคาร์บอนเพื่อให้เป็นไปตามกฏกหมายของแต่ละประเทศ

ในอนาคตจะมีสิ่งที่เรียกว่า Carbon credits

Carbon credits มีไว้เพื่อหลีกเลี่ยง ลด หรือกำจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีหน่วยวัดเป็นเมตริกตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas: GHG) ที่สามารถลดหรือกักเก็บได้มาจากการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านกลไกต่างๆ เช่น การปลูกป่า การเพิ่มพื้นที่สีเขียว และการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอน ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกลดหรือกักเก็บนี้จะถูกวัดในหน่วยตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (carbon dioxide equivalent: CO2e) โดยก๊าซเรือนกระจกที่รับการควบคุมตามพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) มีทั้งหมด 7 ชนิด ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) ก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC) ก๊าซเพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFC) ก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6) และก๊าซไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ (NF3) ประเทศที่มีการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสามารถใช้ก๊าซเรือนกระจกที่ลดหรือกักเก็บได้เป็นเครดิต โดยองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดสามารถขายเครดิตก๊าซเรือนกระจกให้กับองค์กรอื่นๆ

Salesforce Net Zero Cloud แตกต่างกับโปรแกรมอื่นๆอย่างไร ?

Net Zero Cloud ช่วยให้จัดการการปล่อยมลพิษทั่วทั้งระบบนิเวศขององค์กรรวมไปถึงซัพพลายเออร์ของบริษัทและที่เป็นพาร์ทเนอร์กับเรา และยังสามารถตั้งเป้าหมาย Science Based Targets และวัดความก้าวหน้าโดยสามารถวัดความเข้มของพลังงานในอาคาร (BEI) โดยใช้ Net Zero Cloud ซึ่งช่วยให้รายงานการใช้พลังงานของอาคารได้ทันที สิ่งที่ทำให้ Net Zero Cloud แตกต่างจากเครื่องมือบัญชีคาร์บอนอื่นๆ คือวิธีการทำงานอย่างราบรื่นกับโซลูชัน Salesforce ระดับโลกอื่นๆ เช่น Tableau CRM, Slack และ Sales Cloud

สรุป

Carbon accounting จะเข้าไปอยู่ในระบบของทุกองค์กรภายในไม่ช้า ซึ่งปัจจุบันเป็นเวลาที่ดีที่เราจะได้คิดวางแผนพูดกับไม่ว่าจะเป็นกับคนในองค์กร ซัพพลาย หรือ พาร์ทเนอร์ของเราเกี่ยวกับการหาวิธีที่จะจัดการบัญชีคาร์บอนของพวกเขา  Salesforce Net Zero Cloud จะช่วยให้องค์กรต่างๆบรรลุเป้าหมายคาร์บอนได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Salesforce customer success
บทความ

Salesforce customer success กับบริษัท Axa Singapore

แอกซ่าสิงคโปร์ได้บอกไว้ว่า

“Salesforce ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการขาย บริการ และการมีส่วนร่วมกับลูกค้าแบบองค์รวมหมายถึงทั้งฝ่ายขาย และ ฝ่ายการตลาด รวมถึงฝ่ายบริการหลังการขายสามารถเห็นข้อมูลลูกค้าได้แบบเดียวกันทั้งหมดเช่น ประวัติการซื้อขาย ช่องทางที่ลูกค้าเข้ามา และการแชทพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่และลูกค้า และจำเป็นต้องย้ายจากระบบที่ปกติที่ใช้กันอยู่ไปสู่แนวทางแพลตฟอร์ม Salesforce ที่ช่วยพลิกโฉมให้กับธุรกิจธุรกิจ”

การมีส่วนร่วมของลูกค้า AXA Singapore กับ Salesforce

ในฐานะหนึ่งในบริษัทประกันภัยชั้นนำของโลก AXA Singapore ต้องการช่วยให้ลูกค้าใช้ชีวิตด้วยความอุ่นใจมากขึ้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องลูกค้าจากความเสี่ยงต่างๆและกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

“โดยวิสัยทัศน์ของเรานั้นเรียบง่ายมากเราต้องการเป็นบริษัทประกันดิจิทัลที่ดีที่สุดเพื่อสร้างคุณค่าและความแตกต่างให้กับลูกค้าและคู่ค้าของเรา” Tomasz Kurczyk หัวหน้าฝ่ายการเปลี่ยนแปลงและเจ้าหน้าที่ด้านดิจิทัลของ AXA Singapore กล่าว

ความจริงนั้นซับซ้อนกว่านั้นมาก ลูกค้าคาดหวังผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องมากขึ้นและปรับให้เหมาะกับความต้องการของพวกเขา(Personalization) ในขณะเดียวกัน การจัดส่งข้อมูลหรือข้อความผ่านทุกช่องทางได้กลายเป็นมาตรฐานไปแล้วในปัจจุบันเพื่อสร้างความประทับใจกับลูกค้าซึ่งส่งผลให้ Customer satisfaction เพิ่มเมื่อ Customer satisfaction เพิ่มก็จะส่งผลต่อไปยัง Customer loyalty ทำให้ลูกค้านั้นอยากอยู่กับเราไปตลอด

Omni-channel และ Single view of customer คือรากฐานสำคัญ

มุมมองเดียวของลูกค้าหรือที่เรียกว่า Single view of customer เป็นรากฐานสำหรับการให้บริการแบบ Omnichannel
แอกซ่าสิงคโปร์ได้พัฒนาระบบดิจิทัลใหม่ ซึ่งครอบคลุมการขาย การบริการ และการตลาด แพลตฟอร์มความสำเร็จของลูกค้า โดยใช้ Salesforce เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักเพื่อให้เกิด Single view of customer

Kurczyk กล่าวว่ามุมมองของลูกค้าในปัจจุบันมีความสำคัญต่อการนำเสนอประสบการณ์แบบหลายช่องทาง(Omnichannel) และจะต้องมีการใช้งานระบบอัตโนมัติให้มากขึ้น(Automation) ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นทั้งทางโทรศัพท์และผ่านช่องทางดิจิทัล และด้วยโซลูชั่น Marketing Cloud ทำให้ AXA Singapore สามารถให้เนื้อหา คำแนะนำ และข้อเสนอตามโปรไฟล์ของลูกค้าเฉพาะบุคคลได้ นอกจากนี้ยังสามารถทดสอบและวัดผลการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมีส่วนร่วมของลูกค้า

“Salesforce เรามีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับลูกค้าของเรา และสามารถปรับแต่งและทำให้จุดสัมผัสเป็นแบบอัตโนมัติ(Touchpoints ต่างๆ) เช่น อีเมลและ SMS” Kurczyk กล่าว “หากลูกค้าซื้อประกันภัยการเดินทางแบบเที่ยวเดียว เราสามารถส่งอีเมลหลังการเดินทางเพื่อต้อนรับการกลับมาและเตือนลูกค้าถึงวิธีการส่งคำร้อง นอกจากนี้ เรายังสามารถโปรโมตผลิตภัณฑ์อื่นๆ และแอป MyAXA ซึ่งเป็นร้านค้าครบวงจรแบบบริการตนเองสำหรับลูกค้า”

ความพึงพอใจของลูกค้าต่อช่องทางดิจิตอลของ AXA Singapore นั้นสูงมากจนน่าประทับใจ ลูกค้าประมาณ 90% พอใจหรือพอใจมากหลังจากโต้ตอบกับผู้รับประกันภัยทางออนไลน์ ธุรกิจได้เริ่มรวบรวมความคิดเห็นมากขึ้นผ่านแบบสำรวจที่ส่งถึงลูกค้า หลังจากที่ Kurczyk เรียกว่า “moment of truth” ซึ่งรวมถึงช่วงเวลาที่ลูกค้าซื้อหรือต่ออายุกรมธรรม์เรียกร้องหรือติดต่อฝ่ายดูแลลูกค้าของ AXA ไม่ว่าพวกเขาจะใช้ช่องทางใดก็ตาม ทางทีมสามารถเห็นประสิทธิภาพการทำงานและระบุจุดที่ต้องปรับปรุง

สรุป

การใช้งาน Salesforce กับ AXA Singapore มีบทบาทสำคัญในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาการมีส่วนร่วมของลูกค้าและมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวที่ดียิ่งขึ้น การใช้แพลตฟอร์ม Salesforce ทำให้เกิดประโยชน์จนนำไปสู่ความสำเร็จของลูกค้า Salesforce ทำให้ AXA Singapore ได้รับมุมมองเดียวของลูกค้า ทำให้สามารถให้บริการแบบหลายช่องทางและระบบอัตโนมัติได้อย่างราบรื่น การนำ Marketing Cloud ไปใช้งานช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งมอบเนื้อหาและข้อเสนอที่ปรับแต่งตามโปรไฟล์ลูกค้า ซึ่งนำไปสู่ความเกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้นและความพึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ ความสามารถด้านการทำงานอัตโนมัติบน Salesforce ยังส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพที่สำคัญและการดูแลลูกค้าที่รวดเร็วขึ้น โดยมีข้อผิดพลาดและเวลาตอบสนองลดลงสูงสุดถึง 50% แอกซ่าสิงคโปร์ยังได้ปรับปรุงเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายผ่านการใช้ Experience Cloud เพื่อให้คู่ค้าและตัวแทนมีศูนย์กลางสำหรับการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าผู้จัดจำหน่ายไม่เพียงปรับปรุงประสิทธิภาพภายในเท่านั้นแต่ยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าอีกด้วย การดำเนินงานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ AXA Singapore ในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและการมุ่งเน้นที่การให้คุณค่าแก่ลูกค้าและคู่ค้า ด้วยการเชื่อมโยงเทคโนโลยีเข้ากับพันธกิจในการส่งเสริมให้ลูกค้ามีชีวิตที่ดีขึ้น

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Customer 360
บทความ

อะไรคือ Customer 360

Customer 360 (หรือ Single Customer View) ก็คือมุมมอง 360 ของการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey) แสดงให้เห็นภาพรวมของลูกค้าของคุณทั้งหมดตลอดเส้นทางต่างๆ ของลูกค้าทั้งการตลาด การขาย การดำเนินงาน และการบริการลูกค้าทีมที่ต้องติดต่อกับลูกค้าทั้งหมดจะได้รับการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาเพื่อค้นหาข้อมูลเหล่านั้น Customer 360 โดยปกติแล้วข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดเก็บและกระจัดกระจายไปทั่วองค์กรในทีมต่าง ๆ อย่างไม่เป็นระบบ แต่เมื่อเราสามารถรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งที่ต่าง ๆ มาอัพเดทเป็นเวลาจริง และนี่ก็เป็นความหมายของ Customer 360 นั่นเอง คือการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของลูกค้าที่เข้ามาอยู่ในระบบ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจภาพความจริงของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างชัดเจน

ข้อดีของ Customer 360

  • ช่วยสร้างแคมเปญด้านการขายและการตลาดมากขึ้น ประโยชน์หลักของมุมมองลูกค้าแบบ 360 คือความสามารถในการขยายทีมขายและทีมการตลาด ทีมเหล่านี้สามารถสร้างแคมเปญการขายและการตลาดเชิงรุกได้มากขึ้นโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น หากผู้ค้าปลีกเห็นว่าลูกค้าซื้อรองเท้าผ้าใบและอุปกรณ์กีฬาบ่อยครั้ง ทีมขายและการตลาดสามารถสร้างแคมเปญการตลาดและโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายตามความสนใจนี้ได้

 

  • เข้าใจลูกค้าและพฤติกรรมของพวกเขา ข้อดีอีกอย่างของการมองลูกค้าแบบ 360 องศาคือความสามารถในการเข้าใจลูกค้า รสนิยม และพฤติกรรมของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ด้วยมุมมองโดยรวมของลูกค้า ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสามารถเข้าใจไม่เพียงแต่ประวัติทางการแพทย์แบบองค์รวมของผู้ป่วย แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมและพฤติกรรมของพวกเขาด้วย ผู้ป่วยนัดตรวจประจำปีเป็นประจำหรือไม่? ประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วยเป็นอย่างไร และมาตรการป้องกันใด (หากมี) ผู้ให้บริการด้านสุขภาพสามารถทำได้

 

  • มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น บางทีประโยชน์ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของมุมมองลูกค้าแบบ 360 องศาก็คือความสามารถในการมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ข้อมูลที่รวบรวมและประเมินค่าไม่ได้เพื่อมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นแก่ลูกค้าตลอดเส้นทางการช็อปปิ้งตลอดชีวิต ตัวอย่างเช่น หากธนาคารทราบว่าขณะนี้ลูกค้ามีผู้อยู่ในอุปการะรายใหม่ที่จะเข้าเรียนในวิทยาลัยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ธนาคารสามารถส่งข้อเสนอบัญชีออมทรัพย์ส่วนบุคคลให้กับลูกค้าได้ และในทำนองเดียวกัน ธนาคารสามารถจัดเตรียมแผนการเกษียณอายุที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นให้กับลูกค้าได้

ความท้าทายในการสร้างมุมมอง 360 องศาของลูกค้า

หนึ่งในความท้าทายหลักอยู่ที่การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่แตกต่างกันการทำ Customer 360 ที่ยากและท้าทายที่สุดคือการรวบรวมข้อมูลลูกค้าทุกรายอย่างครบถ้วนและถูกต้องพร้อมกันในที่เก็บข้อมูลที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจเจอความไม่สอดคล้องกันของระบบต่าง ๆ เนื่องจากไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันตั้งแต่แรกนอกจากนี้ยังมีคุณภาพของการเก็บข้อมูลในบางระบบที่อาจไม่เท่าเทียมกันเสมอ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอาจถูกจัดเก็บไว้ใน CRM เช่น Salesforce ข้อมูลประวัติการสั่งซื้ออาจอยู่ในระบบดั้งเดิมที่กำหนดเองข้อมูลการซื้อของพวกเขาอาจอยู่ในระบบ POS เช่น Shopify และข้อมูลโซเชียลมีเดียของพวกเขาอาจอยู่บน Facebook อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และอื่นๆ

สรุป

Customer 360 คือการรวบรวมและรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อสร้างภาพรวมครบถ้วนเกี่ยวกับลูกค้าแต่ละรายในองค์กร การทำ Customer 360 ช่วยให้องค์กรสามารถทราบข้อมูลลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงประวัติการซื้อสินค้าหรือบริการ ประวัติการติดต่อ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า การรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เป็นระบบเรียลไทม์จะช่วยให้องค์กรมีมุมมองที่รวดเร็วและชัดเจนเกี่ยวกับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจเกี่ยวกับลูกค้าได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าและสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้นภายในองค์กร

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
CRM
บทความ

ระบบ CRM สามารถเพิ่มความภักดีของลูกค้าได้อย่างไร

มีสถิติที่ถูกเผยแพร่และผู้ชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าในปัจจุบันธุรกิจนั้นเน้นไปที่การหาลูกค้าใหม่มากกว่าการรักษาลูกค้าเก่าที่มีอยู่ขอยกตัวอย่างเช่น โปรโมชั่นโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันที่มีการแข่งกันหลายค่ายก็จะเน้นไปที่การหาลูกค้าใหม่ย้ายค่ายแต่กับไม่มีโปรให้กับลูกค้าเก่า ดังนั้นระบบ CRM จึงเป็นคำตอบที่จะเข้ามาช่วยในการรักษาลูกค้าเก่าให้กับองค์กรต่างๆ

ระบบ CRM จะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์หลายอย่าง

1.ส่วนแบ่งกระเป๋าเงินที่เพิ่มขึ้นหรือที่เรียกกันว่า (Share-of-wallet) หมายถึงจำนวนเงินที่ลูกค้าใช้จ่ายกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเมื่อเทียบกับการใช้จ่ายกับคู่แข่งแบรนด์นั้น ลูกค้าจะเปลี่ยนใจและใช้เวลาและเงินมากขึ้นกับแบรนด์ที่ลูกค้ามี Loyalty

2.การตลาดแบบปากต่อปากช่วยให้ได้ลูกค้าใหม่และรักษา Loyalty ดีขึ้น อย่างที่ได้บอกไปในข้อหนึ่งว่าลูกค้าจะเปลี่ยนใจและใช้เวลาและเงินมากขึ้นกับแบรนด์ที่ลูกค้ามี Loyalty มากไปกว่านั้นลูกค้าที่ Loyalty ยังสามารถบอกต่อเพื่อนๆและเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับแบรนด์หรือบริการที่ใช้

3.เพิ่มความน่าเชื่อถือ ความภักดีของลูกค้ายังช่วยส่งเสริมความรู้สึกไว้วางใจระหว่างแบรนด์และลูกค้า เมื่อลูกค้าเลือกที่จะกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของคุณบ่อยๆ ดังนั้นจึงส่งผลให้คนนอกที่มองเข้ามานั้นมีความรู้สึกที่จะอยากซื้อ เพราะคนที่มองเข้ามาจะเห็นได้ว่าไม่ว่าลูกค้าเก่าจะใช้สินค้าหรือบริการเท่าไหร่ก็จะกลับมาซื้อและใช้บริการกับเราเสมอ

4.ช่วยเพิ่มการกระตุ้นการอยากซื้อแม้ลูกค้าจะไม่ได้ต้องการสินค้าตัวนั้น ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าซื้อสินค้ากับเราไปแล้ว 3 ชิ้นและกว่าสินค้าตัวนั้นจะใช้หมดลูกค้าอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 เดือนแต่ในทางกลับกันเราจะใช้ระบบ CRM ยิงการตลาดไปหาลูกค้าเพื่อกระตุ้นการซื้อแม้ลูกค้าไม่อยากซื้อ อาจมีของแถมหรือซื้อตอนนี้ถูกกว่าลูกค้าซื้อแบบปกติ

5.การตัดสินใจซื้อของลูกค้าเก่ามีมากกว่าลูกค้าใหม่ เนื่องจากลูกค้าเก่าจะเคยใช้บริการหรือสินค้าเรามาแล้วดังนั้นโอกาสทำกำไรจากลูกค้าเก่าจึงมีมากกว่าลูกค้าใหม่ ดังนั้นการคิดโปรโมชั่นต่างๆหรือ Loyalty โปรแกรมที่ดีนั้นควรให้เป็นโปรโมชั่นที่แฟร์กับลูกค้าเก่าพอๆกับการที่เราจะเสนอให้ลูกค้าใหม่

สรุป

ระบบ CRM ช่วยนักการตลาดและฝ่ายขายในการปรับปรุงกระบวนการขายของธุรกิจ การทำงานของทีมขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากพบว่ายอดขายลดลงหรือมียอดที่จะหลุดไปก็สามารถไปกระตุ้นทีมขายได้อย่างรวดเร็วเพื่อช่วยในการหาแนวทางในการแก้ไขปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น และเมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะในขั้นตอนใดของการขายได้รับการแก้ไขฟรือมีแนวทางรับมือที่ถูกต้อง ก็จะทำให้ทีมขายสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ปิดการขายได้อย่างสม่ำเสมอ สร้างรายได้ให้ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง มากไปกว่านั้นยังช่วยให้รักษาลูกค้าเก่าและเพิ่มการซื้อที่มากขึ้นได้เหมือนที่บอกไปใน 5 ข้อด้านบน

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
5 เหตุผลที่คุณควรใช้ Salesforce
บทความ

5 เหตุผลที่คุณควรต้องใช้ Salesforce

วันนี้เราจะพาทุกคนมาดู 5 เหตุผลหรือประโยชน์จากการใช้ Salesforce เข้ามาช่วยดำเนินงานในธุรกิจกัน! แต่ก่อนอื่นถ้าผู้อ่านคนไหนยังไม่รู้จัก Salesforce แล้วหละก็สามารถคลิ๊กดูได้ที่ “Salesforce คืออะไร ” ซึ่งเป็นบทความที่ทางเราได้เขียนอธิบายไว้เกี่ยวกับตัว Salesforce ว่าคืออะไรและมีหน้าที่อะไรบ้าง

ถ้าพร้อมแล้วเรามาดู 5 เหตุผลหรือประโยชน์จากการใช้ Salesforce กันเลย

why choose salesforce for business

rolustech.com

1.Salesforce สามารถใช้งานบนมือถือได้

โดย Salesforce เป็นบริษัทแรกเลยที่นำ CRM มาอยู่บนมือถือซึ่งสามารถใช้งานได้ไม่ต่างจากการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ เช่น การเรียกใช้แคมเปญการทำตลาดผ่านโทรศัพท์มือถือแบบข้ามหลายช่องทางด้วย Marketing Cloud และจัดการมุมมองทั้งหมดของการเดินทางของลูกค้าแบบให้ความสำคัญกับโทรศัทพ์มือถือเป็นหลัก สามารถทำแคมเปญโทรศัพท์มือถือผ่านระบบอัตโนมัติด้วย Journey Builder และจัดแบ่งกลุ่มผู้ชมเพื่อให้ส่งข้อความที่มีความเกี่ยวข้องสูงสุดด้วย Audience Builder

2.Salesforce เป็นระบบ Cloud base

ผลิตภัณฑ์ Salesforce ทั้งหมดจะใช้งานบนระบบคลาวด์ดังนั้นจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายราคาสูงในการติดตั้ง ไม่ต้องดูแลรักษา และพนักงานของคุณสามารถทำงานจากอุปกรณ์ใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อป

3.Salesforce ใช้งานง่าย

Salesforce ใช้งานง่ายพอๆกับเว็บไซต์ที่เราเข้าเยี่ยมชมกันอยู่ทุกๆวัน คุณสามารถเข้าสู่ระบบได้จากทุกที่ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างง่ายและดูและอัปเดตข้อมูลลูกค้าได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ และถ้าติดปัญหาตรงไหนหรือต้องการที่จะศึกษาเพิ่มเติมทาง Salesforce ก็ได้มี Community อีกด้วย

4.salesforce integration

แพลตฟอร์ม Salesforce มี open API ที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากซึ่งทำให้การรวม Salesforce กับซอฟแวร์อื่นๆที่ลูกค้ามีการใช้งานอยู่สามารถที่จะทำได้แทบทั้งหมด Salesforce integration เป็นกระบวนการของการรวมข้อมูลและฟังก์ชันการทำงานของ Salesforce กับแอปพลิเคชันอื่นๆเพื่อมอบประสบการณ์ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวแก่ผู้ใช้ ช่วยให้คุณมีฟังชั่นที่ผสมผสานกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทั้งสองแพลตฟอร์มให้กับทีมได้ ผู้ใช้ Salesforce มักจะประสบปัญหาในการปรับข้อมูลให้ตรงกันระหว่างสองแพลตฟอร์มและการสลับไปมาระหว่างกันในขณะที่ทำงาน

5.Salesforce มี Community

อย่างที่ได้บอกไปในข้อ 3 ว่า Salesforce นั้นมี Community ที่ใหญ่โตมากเป็นของตนเองซึ่งจะมีทั้งผู้ใช้งานเอง (User) และ เจ้าหน้าที่ของ Salesforce เองเป็นคนตอบคำถามต่างๆหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีอย่างเช่น Dev ก็จะมีการเปิด Forum เพื่อพูดคุยสอบถามปัญหากัน

 

ทิ้งท้าย

นับตั้งแต่เปิดตัว Salesforce ได้ช่วยให้ธุรกิจจำนวนมากสามารถจัดการลูกค้าได้ดีขึ้นและช่วยให้ธุรกิจเติบโต หากคุณกำลังมองหา CRM ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ Salesforce คือคำตอบ

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Salesforce Omnichannel
บทความ

Salesforce OmniChannel ช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าดียิ่งขึ้น

ในปัจจุบันไม่ว่าจะขายสินค้าหรือบริการประเภทไหนก็ตามจะต้องสร้าง Loyalty ของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์เพื่อให้ลูกค้ายังคงอยู่กับเราไม่เสียลูกค้าไปให้กับคู่แข่ง การจัดการหลายช่องทางอาจกลายเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้หลายแพลตฟอร์มเพื่อสื่อสารกับลูกค้า นอกจากนี้ยังกลายเป็นเรื่องยากถ้าเราต้องการที่จะติดตามพฤติกรรมของลูกค้าจากหลากหลายช่องทางเพื่อนำมาทำแผนการตลาดดังนั้น Salesforce Omnichannel จึงตอบโจทย์ในเรื่องของการช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าดียิ่งขึ้น

4 ข้อดีของ Salesforce Omnichannel

1. ช่วยบาลานซ์งานของเจ้าหน้าที่

Salesforce Omnichannel สามารถกำหนดสิ่งที่เรียกว่า Tickets ให้กับเอเจนท์แต่ละรายโดยอัตโนมัติโดยที่ตัวระบบนั้นจะสามารถช่วยดูได้ว่าเอเจนท์แต่ละรายนั้นมีงานอยู่ในมือเยอะแค่ไหนซึ่งตรงนี้เองระบบจะเข้ามาช่วยบาลานซ์งานให้กับเจ้าหน้าที่ให้ไม่เกิดงานที่หนักเกินไปและสามารถช่วยบันทึกสิ่งต่างๆที่ที่เอเจนท์ได้มีการพูดคุยกับลูกค้า

2. ช่วยให้เห็นมุมของของลูกค้าทั้งหมด

ประสบการณ์ของลูกค้าที่ประกอบด้วยการสื่อสารหลากหลายช่องทางทั้งหมดเรียกว่า Omnichannel เอเจนท์สามารถเข้าถึงทุกเว็บไซต์หรือ Touchpoints ต่างๆในร้านค้าที่ลูกค้าเยี่ยมชมด้วยระบบ Salesforce Omnichannel และเวลาที่เอเจนท์กำลังให้บริการลูกค้าอยู่นั้นตัวของผู้ให้บริการจะสามารถเห็นมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโปรไฟล์ของลูกค้าได้ทั้งหมดว่าลูกค้ามี Touchpoints เข้ามาจากช่องทางใดบ้าง

3. เพิ่ม CLV

Salesforce Omnichannel ประสบการณ์การให้บริการแบบ Omnichannel ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกและไม่น่าแปลกใจเลยที่ลูกค้าต้องการอยู่กับธุรกิจที่ให้บริการแบบประทับใจและรู้ใจ ยิ่งไปกว่านั้นร้านค้าชั้นนำค้าปลีกมองว่าเป้าหมายระยะยาวมีความสำคัญอย่างยิ่ง รายงาน Coresight แสดงให้เห็นว่า 53% ของผู้ค้าปลีกชั้นนำในยุโรประบุว่าการเพิ่ม CLV ของลูกค้า มาจากการใช้ใช้กลยุทธ์แบบOmnichannel ขณะที่ผู้ค้าปลีกรายอื่นเพียง 34% รู้สึกเช่นเดียวกัน

4. ช่วยเพิ่มยอดขาย

Salesforce Omnichannel ช่วยให้ยอดขายที่เพิ่มขึ้น การศึกษาของ Harvard Business Review แสดงให้เห็นว่าลูกค้าหลายช่องทางใช้จ่ายออนไลน์มากกว่าผู้บริโภคช่องทางเดียวถึง 10% เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ค้าปลีกให้ความสำคัญกับการเติบโตในระยะยาวและกำลังมองประโยชน์ของกลยุทธ์แบบ Omnichannel ให้ใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
1 2 3

ร่วมทดลอง CRM #1 ของโลกฟรี 30 วัน

Get a Quote

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

Save