Blog

Omnichannel
บทความ

Omni channel คืออะไร? และมีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ

Omnichannel คืออะไร?

Omnichannel คือการจัดการธุรกิจหรือการติดต่อลูกค้าโดยการรวบรวมช่องทางหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์และช่องทางต่างๆเหล่านั้นจะต้องเชื่อมต่อกันและมีข้อมูลอัพเดทของลูกค้าเสมอ เช่น เว็บไซต์, โทรศัพท์, อีเมล, แชทบอท แอปพลิเคชัน หรือหน้าร้าน โดยที่ลูกค้าสามารถสื่อสารหรือเข้าถึงข้อมูลได้จากช่องทางที่ต้องการโดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ในช่องทางอื่น นอกจากนี้ความรวดเร็วและความสะดวกในการใช้งานก็เป็นจุดเด่นของการใช้ระบบ Omnichannel ในธุรกิจ

Omnichannel กับหน้าร้านในปัจจุบัน

การช้อปปิ้งออนไลน์และอีคอมเมิร์ซอาจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแต่การมีหน้าร้านก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตของผู้บริโภค ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงชอบการเลือกซื้อของที่หน้าร้านค้าจริงมากกว่าการช้อปปิ้งออนไลน์ แม้ว่าบทบาทของร้านค้าจะเปลี่ยนแปลงไปก็ตาม ผู้ค้าปลีกและลูกค้าต่างเริ่มตระหนักถึงบริบทของร้านค้าที่เปลี่ยนไปการมีหน้าร้านทุกวันนี้เหมือนเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและให้ลูกค้าได้มาได้ทดลองและสัมผัสกับสินค้าจริงเพราะส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะไปซื้อผ่านช่องทางออนไลน์หลังจากได้ลองที่หน้าร้านเนื่องจากทางช่องทางออนไลน์มีโปรโมชั่นที่มากกว่า

ร้านค้าจำนวนมากในปัจจุบันมีการส่งเสริมแนะนำกิจกรรมภายในร้านเพื่อสร้าง community เช่น การเชิญ Influencer ให้มารีวิวสินค้า หรือ KOL ให้มาสาธิตและวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์และมีการสะสมแต้มคะแนนหน้าร้านโดยแต้มที่สะสมนั้นเราสามารถเรียกดูและใช้งานได้ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์นี่คือตัวอย่างการทำ Omnichannel

โดยหลักแล้ว Omnichannel จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจโดยการรวมช่องทางหน้าร้านและช่องทางออนไลน์เข้าด้วยกันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Customer Journey เพื่อทำให้เกิดความพึงพอใจของลูกค้าให้ได้มากที่สุด

Omnichannel มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร

Omnichannel กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่อย่างรวดเร็วในปัจจุบัน จากรายงานของ Coresight ระบุว่า 74% ของผู้ค้าปลีกได้เริ่มใช้กลยุทธ์ Omnichannel หรือได้ดำเนินการไปแล้ว ธุรกิจที่ยังไม่ได้เริ่มคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์ Omnichannel จะมีกำลังขับเคลื่อนไปในทางที่เชื่องช้าทำให้ไม่มี Competitive advantage

ในรายงาน Salesforce ปี 2019 ระบุไว้ว่า67% ของลูกค้าใช้หลายช่องทางในการที่จะซื้อสินค้าหนึ่งชิ้นหมายความว่าลูกค้าต้องสลับไปมาหลายแอพข้อมูลไม่ต่อเนื่องยกตัวอย่างมีการคุยกับพนักงานบน Facebook แต่ลูกค้าต้องการสั่งสินบ้าบน Ecommerce แต่ต้องกรอกทุกอย่างใหม่ทั้งหมดซึ่งหมายความว่าธุรกิจที่ไม่ได้นำเสนอการมีส่วนร่วมแบบหลายช่องทางและกำลังมอบประสบการณ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐานให้กับลูกค้าเหล่านี้ สำหรับผู้บริโภคจำกว่า 40% บอกไว้ว่า Omnichannel พวกเขาจะไม่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการหากไม่สามารถใช้ช่องทางที่ต้องการได้แบบต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม รายงาน Coresight ยังแสดงให้เห็นว่ามีเพียง 34% ของบริษัทเท่านั้นที่มาถึงขั้นตอน ‘การดำเนินการ’ หรือ ‘การทำให้เป็นจริง’ ของการเติบโตแบบหลายช่องทางดังนั้นองค์กรเหล่านั้นจึงผูกขาดความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีในการซื้อของลูกค้า ตัวเลขนี้จำเป็นต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อประโยชน์ของทั้งธุรกิจและลูกค้า

เหตุผล 5 ประการที่ธุรกิจต่างๆ เลือกใช้กลยุทธ์ Omnichannel

1. ช่วยทำให้ Customer lifetime value ดีขึ้น
มูลค่าตลอดชีวิตของลูกค้านั้นหมายถึง การที่ลูกค้านั้นสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจของคุณในช่วงชีวิตหนึ่ง โดยหากให้อธิบายง่ายๆก็คือการที่ลูกค้าซื้อสินค้าหรือสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของธุรกิจมาโดยตลอด ลูกค้าอาจสนับสนุนสินค้าของคุณมาตั้งแต่สมัยที่เป็นนักเรียนนักศึกษาจนสู่วัยทำงาน Omnichannel ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกและไม่น่าแปลกใจที่ผู้นำร้านค้าปลีกมองว่าเป้าหมายระยะยาวมีความสำคัญอย่างยิ่ง รายงาน Coresight แสดงให้เห็นว่า 53% ของผู้ค้าปลีกชั้นนำในยุโรประบุว่าการเพิ่มคุณค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าเป็นเหตุผลสำหรับการใช้Omnichannel ขณะที่ผู้ค้าปลีกรายอื่นเพียง 34% รู้สึกเช่นเดียวกัน

2.เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่
กลยุทธ์ Omnichannel เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจโดยทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ง่ายเนื่องจากร้านค้าหรือธุรกิจของเราจะเข้ามาอยู่เกือบทุกช่องทางบนโลกออนไลน์  และการเข้าถึงลูกค้าใหม่ก็ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโต

3.เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
Omnichannel  ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและต้นทุนที่ลดลง ด้วยกลยุทธ์ Omnichannel ธุรกิจแค่ต้องรวบรวมข้อมูลของลูกค้าเพียงครั้งเดียว แทนที่จะเก็บข้อมูลทุกของลูกค้าทุกครั้งในทุกๆช่องทาง ดังนั้น Omnichannel จึงทำให้ประสิทธิภาพในบริษัทเพิ่มขึ้นได้และถ้ายิ่งใช้กับ CRM ก็จะยิ่งทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนไปได้เป็นอย่างมาก

4.เพิ่มยอดขาย
ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ค้าปลีกที่ต้องการเพิ่มรายได้ การศึกษาของ Harvard Business Review แสดงให้เห็นว่าลูกค้า Omnichannel ใช้จ่ายออนไลน์มากกว่าผู้บริโภคช่องทางเดียวถึง 10% (single-channel consumers) เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ค้าปลีกชั้นนำของโลกให้ความสำคัญกับการเติบโตในระยะยาวและกำลังมองประโยชน์ของกลยุทธ์Omnichannel ว่าเป็นกลยุทธ์เชิงโครงสร้าง

สรุป

การมีแนวทางแบบ Omnichannel สามารถให้ประโยชน์มากมายแก่บริษัท เช่น เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ปรับปรุงความภักดีต่อแบรนด์(Loyalty) และเพิ่มยอดขาย ด้วยการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าให้ราบรื่นและสอดคล้องกันในหลายช่องทางการจำหน่ายหรือการให้บริการ เราจึงต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ไม่ว่าลูกค้าจะเลือกสื่อสารหรือซื้อของกับร้านของคุณอย่างไร ด้วยการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลและความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับประสบการณ์ส่วนบุคคล(Personalized) การใช้ Omnichannel จะช่วยให้ธุรกิจของคุณได้เปรียบในการแข่งขันและช่วยเตรียมพร้อมสำหรับความสำเร็จในระยะยาว

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Salesforce กับธุรกิจขนาดเล็ก
บทความ

ธุรกิจขนาดเล็กก็สามารถใช้ Salesforce ได้

ธุรกิจขนาดเล็กโดยส่วนมากมักพบเจอประสบปัญหาและข้อจำกัดต่างๆและเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดปัจจุบันได้ การเลือก CRM ที่ถูกต้องโดยคำนึงถึงประโยชน์ของการใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจขนาดเล็กนั้นเป็นงานที่ยากเพราะธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากเชื่อว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีหรือไม่สามารถซื้อระบบ CRM เนื่องจากราคาที่สูง แต่จริงๆไม่เป็นแบบนั้น Salesforce ยังมีบริการที่เรียกว่า Salesforce essential โดยเริ่มต้นในราคาเพียง $25 ต่อเดือนเท่านั้น 

https://www.salesforce.com/th/solutions/small-business-solutions/essentials/

มากไปกว่านั้น Salesforce ยังมีแหล่งข้อมูลการเรียนรู้มากมายสำหรับธุรกิจให้ได้เรียนกันแบบฟรีๆ บริการของ Salesforce และโซลูชัน CRM ใช้ระบบคลาวด์ในการให้บริการและเก็บข้อมูล ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเซิร์ฟเวอร์ราคาแพงเพื่อใช้งาน CRM ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการที่สำคัญของธุรกิจที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการบริการ การขาย หรือการตลาด 

ในบล็อกนี้ เราจะพูดถึงเหตุผลที่ธุรกิจขนาดเล็กควรนำ Salesforce ไปพิจารณาร่วมด้วยและวิธีที่ Salesforce จะสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณดีขึ้นได้อย่างไร

เหตุใดธุรกิจขนาดเล็กจึงควรใช้ Salesforce

Salesforce โดยส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันจะถูกใช้โดยองค์กรขนาดใหญ่ระดับโลก แต่ตอนนี้ทาง Salesforce ก็มีโซลูชันระบบอัตโนมัติที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจขนาดเล็กเช่นกันโดยถูกเรียกว่า Salesforce essential ระบบ Salesforce CRM ได้ดึงดูดธุรกิจขนาดเล็กหลาย แห่งทั่วโลกเนื่องจากความสามารถ Business intelligence capabilities ซึ่งมันจะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเก็บข้อมูลได้จากทุกช่องทางไม่ว่าลูกค้าจะเข้ามาจากช่องทางไหนและสามารถช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว ทีมขายสามารถใช้ Salesforce ได้อย่างหลากหลายฟังชั่นเพื่อสร้างมุมมองไว้ใช้ในการติดต่อลูกค้าเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน โดยพนักงานสามารถจัดการและจัดระเบียบผู้ติดต่อในที่เดียวที่ที่เดียวโดยการเปลี่ยนแค่ใน Salesforce ก็สามารถทำให้ข้อมูลจากในหลายช่องทางอัพเดทได้แบบอัตโนมัติ

5 ข้อดีของการใช้ Salesforce

1. ช่วยเพิ่ม Productivity และ Business operation ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ใน Salesforce มีระบบที่เรียกว่า Automation โดยตัว Automation จะสามารถส่งข้อความ หรือ แคมเปญด้านการด้านได้แบบอัตโนมัติไปหาลูกค้าจำนวนมากๆภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที จึงทำให้นักการตลาดในบริษัทหรือในแผนกอื่นๆประหยัดเวลาไปได้มากถ้าเกิดต้องส่งข้อความหาลูกค้าเป็นจำนวนมากซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเกิดการผิดพลาดน้อยลง

 

2. ช่วยสร้างความพึงพอใจของลูกค้าให้มากขึ้น Salesforce ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กได้รับความเข้าใจอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับลูกค้าปัจจุบันและผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าด้วยเครื่องมือแดชบอร์ดและ Salesforce Analytics โดย Salesforce จะช่วยในการระบุแนวโน้มและรูปแบบเพื่อหาคำตอบล่วงหน้าว่าลูกค้าชอบหรือต้องการแบบไหนโดยคาดการณ์คำถามก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาจุดนี้เลยทำให้เกิดความพึงพอใจของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

 

3. Salesforce สามารถปรับขนาดและปรับแต่งฟีเจอร์ต่างๆได้ เราควรเลือกระบบ CRM ให้เหมาะสมกับขนาดธุรกิจของเราที่สามารถปรับแต่งฟีเจอร์ต่างๆให้เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของธุรกิจโดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินกับฟีเจอร์ที่เราไม่ได้ใช้ในปัจจุบันและอนาคต Salesforce สำหรับธุรกิจขนาดเล็กสามารถปรับแต่งได้อย่างสมบูรณ์เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจ มากไปกว่านั้นอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ Salesforce นั้นใช้งานง่ายมาก ซึ่งทำให้สามารถพัฒนาและปรับแต่งระบบได้ง่าย ลูกค้าหลายรายกล่าวว่าจุดแข็งที่สุดของ Salesforce คือความสามารถในการ Customization และความสามารถในการ integration กับแอปพลิเคชัน Third party

 

4. ช่วยปรับปรุงกิจกรรมทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น Salesforce มีบริการ Marketing Cloud ซึ่งเป็นโซลูชันระบบอัตโนมัติ(Automation) ด้านการตลาดซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารข้อความที่ถูกต้องไปยังกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม Salesforce Marketing Cloud สามารถช่วยให้ธุรกิจต่างๆทำกระบวนการโซเชียลมีเดียให้เป็นอัตโนมัติและแนะนำเราได้ว่าเมื่อใดควรเผยแพร่โพสต์ ซึ่งช่วยให้ดำเนินการแคมเปญการตลาดได้ดีขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

 

5. ROI ที่ดีขึ้นจากการใช้ Salesforce จากทั้ง 4 ข้อข้างบนจะเห็นได้ว่า Salesforce CRM เป็นโซลูชันที่ดีที่สุดหากคุณต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร สร้างรายได้ เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนหรือต้องการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการขายแบบ Upselling ซึ่งจากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดจะทำให้ ROI นั้นสูงขึ้นอย่างแน่นอนเม็ดเงินที่ลงทุนไปนั้นจะได้รับการตอบกลับแบบคุ้มค่าอย่างแน่นอน

สรุป

Salesforce ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจทุกขนาดส่วนธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูง Salesforce สามารถสร้างโอกาสที่ดีในการรับประโยชน์จากแพลตฟอร์ม CRM อันดับ 1 ของโลก การไม่ใช้แพลตฟอร์มนี้หมายความว่าคุณพลาดโอกาสในการเติบโตอย่างมาก ดังนั้น การเลือก Salesforce สำหรับธุรกิจขนาดเล็กจะเป็นประโยชน์ในทุกๆด้าน

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
CRM ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
บทความ

CRM สามารถเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร?

CRM โดยส่วนมากแล้วจะถูกใช้โดยนักการตลาดและเซลล์เพื่อจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและการสื่อสารของแบรนด์กับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าเป้าหมาย CRM ในปัจจุบันมีการพัฒนาจนถึงจุดที่สามารถจัดการความสัมพันธ์ที่แบรนด์มีกับลูกค้าได้ดีขึ้นตลอด Customer journey ของลูกค้า โดยในบทความนี้จะกล่าวถึง 3 วิธีที่สามารถใช้ CRM เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

“ตามคำจำกัดความแล้วประสบการณ์ของลูกค้าเกี่ยวข้องกับทุกปฏิสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีกับบริษัทตั้งแต่เห็น เลือกซื้อ พูดคุยสอบถาม จนถึงการปิดการขาย  โดย CRM จะเป็นเสมือนแกนหลักทางเทคนิคที่จะช่วยจัดการ Customer journey ให้ดียิ่งขึ้น ” Tony Kavanagh, CMO ของ Insightly”

CRM ประเภทต่างๆ

CRM ถูกแบ่งออกหลักๆเป็น 3 ประเภท: 1.Operational 2.analytical 3.collaborative ถึงแม้ว่า CRM ทั้งหมดจะแชร์ฟังก์ชันการทำงานหลักบางอย่าง แต่บทบาทหลักของแต่ละตัวก็แตกต่างกัน

Operational CRM: โดยบทบาทหลักของ Operational CRMถูกใช้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและทำให้กระบวนการขายการตลาดและการบริการเป็นไปโดยอัตโนมัติ(เน้นการทำ Automation) ใช้สร้างลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและแปลงจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้เป็นลูกค้าจริงให้ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถเก็บรายละเอียดและข้อมูลทั้งหมดได้ด้วยว่าลูกค้ามีการเข้ามาจากช่องทางไหน

Analytical CRM: บทบาทหลักของ Analytical CRM ก็คือการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่รวบรวมมาจาก Touchpoints ต่างๆ ในการเดินทางของลูกค้า(Customer Journey) CRM เชิงวิเคราะห์ช่วยให้บริษัทสามารถตัดสินใจอย่างรอบคอบมากขึ้น ช่วยให้แผนกการตลาดสามารถประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญและทีมขายเพื่อเพิ่มยอดขายมากไปกว่านั้นแผนกบริการลูกค้าเพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพในการซัพพอร์ตลูกค้า

Collaborative CRM: ช่วยให้แบรนด์สามารถแบ่งปันข้อมูลลูกค้าระหว่างแผนกต่างๆ เช่น ฝ่ายขาย ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายการตลาด ฝ่ายไอที ฝ่ายบริการลูกค้า และอื่นๆ Collaborative CRM ช่วยให้ทุกแผนกในธุรกิจมีเป้าหมายเดียวกันร่วมกัน ซึ่งก็คือการปรับปรุงการบริการลูกค้า เพิ่มความภักดีของลูกค้า และการหาลูกค้าใหม่

ฟังก์ชันหลักของ CRM

ฟังก์ชันหลักของ CRM มีด้วยกันทั้งหมดสามฟังก์ชัน หนึ่งก็คือการจัดการผู้ติดต่อเพื่อใช้จัดเก็บข้อมูลผู้ติดต่อรวมถึงชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ ที่อยู่อีเมล และบัญชีโซเชียลมีเดียในฐานข้อมูลที่ค้นหาได้ สองการติดตามการพูดคุยเพื่อใช้ป้อนบันทึกและติดตามประวัติการพูดคุยกับลูกค้าเพื่อบันทึกการสนทนากับลูกค้าเฉพาะราย และสามการจัดการลูกค้าเป้าหมายช่วยให้แบรนด์สามารถจัดการเปลี่ยนผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าให้กลายเป็นลูกค้าจริงได้ มากไปกว่านั้นฟังชั่นของ CRM ยังมีมากมายอีกหลายอย่างเช่น

– การตัดสินใจโดยใช้ AI
– เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ
– รองรับการ integration กับ third party
– การรายงาน/แดชบอร์ดและการวิเคราะห์
– การพยากรณ์การขาย
– แชทบอท AI สนทนา
– เป็นศูนย์กลางในการเก็บข้อมูล
– การจัดการเอกสาร
– การจัดการไปป์ไลน์การขาย
– CRM มือถือ
– การจัดการใบเสนอราคาและข้อเสนอ
– รองรับ REST API
– การจัดการโซเชียลมีเดีย

CRM ช่วยให้แบรนด์สร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับลูกค้า

CRM เกือบจะทุกแบรนด์นั้นมีฟังชั่นที่สามารถส่งอีเมลแบบอัตโนมัติ(Email Automation) ไปยังลูกค้าตัวอย่างเช่น หลังจากการซื้อครั้งล่าสุดของลูกค้าทางนักการตลาดได้มีการกำหนดจำนวนวันไว้ล่วงหน้าว่าพอครบกำหนด 7 วันหลังจากที่ลูกค้าซื้อสินค้าแล้วเราจะมีการทำ Email Marketing แบบ Upsell ไปหาลูกค้าอีกครั้ง ด้วยฟังชั่นนี้จึงทำให้แบรนด์ยังคงติดต่อกับลูกค้าผ่านอีเมลส่วนบุคคลที่ส่งเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเช่น ข้อเสนอ คูปอง โปรโมชันตามฤดูกาล และสิ่งจูงใจ

และเทมเพลตอีเมลที่ส่งออกไปนั้นสามารถปรับแต่งได้ตามสถานการณ์โดยจะเป็นการส่งแบบอัตโนมัติอีกด้วย เช่น การซื้อ (ขอบคุณสำหรับการสั่งซื้อของคุณ) การสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ (คุณถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้) การละทิ้งตะกร้าสินค้า (เราสังเกตเห็นว่าคุณทิ้งสินค้าหลายรายการในรถเข็นของคุณ) ลูกค้า การโทรบริการ (เราหวังว่าเราจะสามารถแก้ปัญหาของคุณได้) และอื่นๆ

CRM สามารถปรับปรุงการบริการลูกค้า

CRM ช่วยให้เข้าถึงทุกช่องทางการสื่อสารที่ลูกค้าได้มีการพูดคุยไว้กับแบรนด์ได้แบบReal time รวมถึงประวัติการแชท ประวัติการซื้อ และการบริการลูกค้า สิ่งนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าสามารถดึงรายละเอียดของลูกค้าได้ทันทีในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกับลูกค้า

เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนจะรู้ได้อย่างชัดเจนว่ากำลังพูดอยู่กับใครตั้งแต่วินาทีที่รับสาย เนื่องจากหมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้าจะถูกเชื่อมโยงกับชื่อ ฝ่ายบริการสามารถทักทายลูกค้าด้วยชื่อ และทราบการซื้อล่าสุดของลูกค้า ดังนั้นหากลูกค้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนจะสามารถดึงข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นได้ทันที CRM ช่วยให้มองเห็นแบบองค์รวม 360 ของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งให้ข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับเกี่ยวกับลูกค้าตั้งแต่การติดต่อครั้งแรกกับแบรนด์ และช่วยให้แบรนด์สามารถติดต่อกับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและสามารถประเมินระดับความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

CRM ช่วยทำให้การสื่อสารกับลูกค้าดีมากยิ่งขึ้น

จากการเก็บรวบรวมข้อมูลและศึกษาข้อมูลประชากรของลูกค้า พฤติกรรมการท่องเว็บออนไลน์ พฤติกรรมการซื้อ และการโต้ตอบบนช่องทาง Social media CRM สามารถช่วยในการแบ่งกลุ่มลูกค้าให้ละเอียดยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถกำหนดวิธีการเข้าถึงลูกค้าแต่ละรายได้ดีขึ้น เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของลูกค้ากับแบรนด์ CRM ยังช่วยให้แบรนด์สามารถส่งข้อความส่วนตัวไปยังลูกค้าผ่านช่องทางที่ลูกค้าต้องการได้ไม่ว่าจะเป็นอีเมลโซเชียลมีเดียหรือการให้โทรหา

สุดท้าย

ในปัจจุบันหลายบริษัทกำลังใช้ CRM เพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่จริงๆแล้ว CRM ยังสามารถเป็นเครื่องมือสำหรับการปรับปรุงการให้บริการและทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจของลูกค้าได้เช่นกัน CRM สามารถใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้นกับลูกค้า ปรับปรุงการบริการลูกค้า อำนวยความสะดวกช่วยให้การตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ปรับแต่งการสื่อสารกับลูกค้าให้เป็นแบบส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น และช่วยปรับปรุง Customer journey ในทุกๆ  Touchpoints

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
CRM สามารถช่วยพัฒนาความสัมพันธ์
บทความ

CRM สามารถช่วยพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างไร ?

CRM (ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์) เป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในการจัดการและจัดระเบียบในการสื่อสารกับลูกค้าและข้อมูลรวมถึงติดตามดู Customer journey ของลูกค้า จึงช่วยให้บริษัทเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น ปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า และผลักดันการเติบโตของยอดขาย ในบทความนี้เราจะพาไปดูว่า CRM สามารถช่วยพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างไร

ช่วยให้เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าแบบเชิงลึก

ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของ CRM คือความสามารถในการช่วยให้บริษัทเข้าใจลูกค้าของตนเองแบบเชิงลึกด้วยการติดตามการสื่อสารและ Customer journey บริษัทจะได้รับข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับความต้องการ ความชอบ และพฤติกรรมของลูกค้า ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อปรับแต่งแผนการตลาดและการขายเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความพึงพอใจและสร้าง Loyalty เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

ช่วยปรับปรุงการสื่อสารภายในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น

CRM สามารถช่วยให้บริษัทมีการการสื่อสารระหว่างกันภายในองค์กรและการทำงานร่วมกันที่ดียิ่งขึ้น เนื่องจาก CRM มีหน้าทำที่ตัวเป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลลูกค้าและการสื่อสาร บริษัทต่างๆสามารถมั่นใจได้เลยว่าสมาชิกในทีมทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลเดียวกันได้และเห็นข้อมูลลูกค้าแบบเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อให้เกิดความพึงพอใจกับลูกค้ามากที่สุด

การตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing)

อีกวิธีหนึ่งที่ CRM สามารถช่วยพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ก็คือการทำให้บริษัท สื่อสารกับลูกค้าแบบ Personalization ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนเองนั้นได้รับการบริการแบบพิเศษจากบริษัท ตัวอย่างเช่นเราใช้ CRM เก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างแคมเปญการตลาดที่ตรงเป้าหมายและมีความเกี่ยวข้อง สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การมีส่วนร่วมของลูกค้า ความภักดี และการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้น

ระบบ Automation ช่วยให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

นอกจากช่วยปรับปรุงการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้นแล้ว CRM ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับคนในองค์กรด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยให้การทำงานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นโดยการทำงานแบบอัตโนมัติ (Automation) การติดตามลีด การจัดการโอกาส และการบริการลูกค้า ช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาและทรัพยากร และลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์ สิ่งนี้สามารถช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าได้

วิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้า

และสุดท้าย CRM สามารถช่วยบริษัทวัดผลและวิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้าได้จากการติดตาม Customer journey บริษัทจะได้รับข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับความพึงพอใจของลูกค้าและระบุจุดที่ต้องปรับปรุง(Pain point) ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้เพื่อปรับปรุงตัว Product ของบริษัทการบริการและกระบวนการของเราให้เพื่อให้เกิดความพึงพอใจของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

สรุป

CRM สามารถช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าเพื่อนำมาทำ Personalized marketing  ช่วยปรับปรุงการสื่อสารและการทำงานร่วมกันในภายในองค์กร เป้าหมายสูงสุดของ CRM ก็คือการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้นและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ยาวนานเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจกับสินค้าหรือบริการของเรา

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี

Salesforce incrase ROI
บทความ

Salesforce สามารถช่วยเพิ่ม ROI ให้กับองค์กรได้

Salesforce สามารถช่วยเพิ่ม ROI ให้กับองค์กรได้

แน่นอนว่าการคำนึงถึงลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเป็นอันดับแรก ดังนั้น Salesforce จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจและช่วยจัดการกับปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการสื่อสารกับลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเรากำลังมองหาเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจสักอย่างหนึ่งและช่วยเพิ่ม ROI Salesforce CRM คือโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดถ้าเราเลือกที่จะลงทุน Salesforce ไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ดีขึ้นแต่ยังช่วยให้ธุรกิจเติบโตเร็วขึ้นอีกด้วย

5 ข้อดีของ Salesforce CRM ที่จะช่วยเพิ่ม ROI ให้กับธุรกิจ

1. สร้างโอกาสที่จะเพิ่มการขายให้กับบริษัท

การสร้างโอกาสในการขายให้กับบริษัทนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ และ Salesforce สามารถช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดเป้าหมายลีดได้ชัดเจนและหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะพลาดกับลีดและสามารถแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับลีดที่เป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เนื่องจาก Salesforce จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเก็บข้อมูลของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าหรือลูกค้าที่เข้ามาใหม่และผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของเราอีกด้วย มากไปกว่านั้นไม่ว่าลูกค้าหรือคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าจะเข้ามาจากช่องทางไหนคุยกับใครก็จะถูกบันทึกพฤติกรรมไว้หมดซึ่งคนในองค์กรของเราจะเห็นข้อมูลของลูกค้าคนนี้เป็นข้อมูลแบบเดียวกันทั้งหมด

2. เพิ่มประสิทธิภาพการขาย

Salesforce สามารถติดตามผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าแต่ละรายได้อย่างง่ายดายและช่วยในการรวบรวมข้อมูลแบบ First-Party data เช่น อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังจากเรา, ลูกค้ามี Pain point อะไรทำไมถึงสนใจสินค้าจากเราและอื่นๆอีกมากมาย

3.ทำข้อมูลให้เป็นเรื่องง่ายๆ

บริษัทส่วนใหญ่ที่ทาง M Intelligence ให้บริการปรึกษานั้นจะเจอปัญหาก็คือการที่ข้อมูลถูกเก็บไว้หลายที่และมีช่องทางการติดต่อสื่อสารหลากหลายช่องทางทำให้ข้อมูลที่เก็บมานั้นไม่เป็นระเบียบ ผิดพลาด และตกหล่นได้เนื่องจากมี human error ซึ่ง Salesforce จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเก็บข้อมูลไม่ว่าข้อมูลนั้นจะมาจากช่องทางไหนและสามารถเรียกดูหรือใช้ข้อมูลนั้นได้อย่างง่ายดาย

4. ช่วยรักษาลูกค้าเก่า

Salesforce ให้ข้อมูลลูกค้าเป็นรายบุคคลและสร้างโปรไฟล์ของลูกค้าคนนั้นๆในโปรไฟล์ของลูกค้าจะมีข้อมูลเช่น ประวัติการซื้อ และการตอบสนองต่อแคมเปญการตลาดเพื่อรักษาลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ด้วยข้อมูลเหล่านี้จึงทำให้บริษัทสามารถคิดแคมเปญหรือหาโซลูชั่นที่ดีกว่าเพื่อรักษาลูกค้าเก่าและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท

5. เพิ่ม Productivity ให้กับบริษัท

Salesforce ทำให้งานที่ใช้เวลานานๆเสร็จได้ภายในไม่กี่นาที ตัวอย่างเช่นงานที่ต้องเสียเวลากับการเขียนอีเมล์หาลูกค้าแบบรายบุคคลก็เปลี่ยนเป็นแบบอัตโนมัติ จึงทำให้นักการตลาดในบริษัทไม่ต้องเสียเวลาไปกับงานอะไรที่ไม่จำเป็นและมีเวลาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า

สรุป

Salesforce เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทต่างๆเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) โดยการให้ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจและกระบวนการที่คล่องตัว ด้วยวิธีการที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ช่วยให้บริษัทนั้นสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นและเชื่อมต่อกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Salesforce CRM ยังมีระบบ Automation ซึ่งจะช่วยให้นักการตลาดของบริษัทประหยัดเวลามากยิ่งขึ้นและดึงข้อมูลเชิงลึกที่เก็บได้มาทำแคมเปญด้านการตลาดเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

ถ้าหากท่านใดกำลังสนใจระบบ CRM สามารถอ่านเพิ่มเติมได้เกี่ยวกับ Salesforce คลิ๊กที่นี่ลิงค์ Salesforce คืออะไร ?

และหากท่านใดต้องการอ่านเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CRM สามารถอ่านต่อได้ที่นี่

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี

CRM ช่วยพัฒนาและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างไร ?
บทความ

CRM ช่วยพัฒนาและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างไร ?

CRM (Customer relationship management) หรือที่เราเรียกกันว่าการจัดการลูกค้าสัมพันธ์นั้นเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาดในการจัดการการสื่อสารกับลูกค้าปัจจุบันและผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าในอนาคตจุดประสงค์คือเพื่อทำให้กระบวนการภายในของบริษัทนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพื่อรวบรวมจัดเก็บข้อมูลลูกค้าจำนวนมากข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมมานั้นสามารถใช้เพื่อผลักดันการเติบโตของยอดขายและเพิ่มการทำกำไรได้

ไม่ใช่แค่ช่วยเพิ่มกำไรและปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร CRM ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้นอีกด้วย(Customer experience) เช่น การทำความเข้าใจความสนใจของลูกค้า ประวัติการซื้อ ความชอบ และอื่นๆ ของลูกค้า ด้วยเหตุนี้บริษัทต่างๆสามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์ การให้บริการ หรือการตลาดเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ CRM จึงสามารถช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้าและส่งเสริมความภักดีของลูกค้า (Loytalty)

CRM ช่วยพัฒนาและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

อย่างที่ได้บอกไปข้างบนว่า CRM ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น ดังนั้น CRM จึงทำหน้าที่เป็นรากฐานเพื่อเก็บและวิเคราะห์ประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ประสบการณ์ของลูกค้าในเชิงบวกมีความสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจและสามารถช่วยลดการสูญเสียลูกค้าให้กับคู่แข่งได้เป็นอย่างมาก การศึกษาพบว่า CRM สามารถปรับปรุงการรักษาลูกค้าได้ถึง 27% การใช้ระบบ CRM เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าไม่ว่าคุณจะเป็นองค์กรที่อยู่ในอุตสาหกรรมใดก็สามารถได้เปรียบในการแข่งขันและยังช่วยให้องค์กรสามารถสร้างฐานลูกค้าของตนเอง

การใช้ CRM ยังสามารถให้ประโยชน์หลายอย่างแก่ธุรกิจเช่น สามารถช่วยในการหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเดิม และนำลูกค้าเก่ากลับมาทำให้เกิดการซื้อซ้ำ การทำให้การดำเนินงานบางส่วนของธุรกิจเป็นกลายเป็นแบบอัตโนมัติ (Automation) จากระบบการทำงานที่คล่องตัวจะสามารถช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาเวลา

ตัวอย่างประโยชน์จากการใช้ CRM

  • ช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้า
  • ช่วยสร้างความภักดีของลูกค้า (Loytaly)
  • ลดความซับซ้อนของกระบวนการขายและการตลาด
  • ช่วยพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการลูกค้า
  • ช่วยให้การสื่อสารในทีมหรือทั้งองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • เร่งกระบวนการตัดสินใจ
  • ช่วยปรับปรุงการรายงานข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล
  • ช่วยให้นักการตลาดประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น

สรุป

CRM ไม่ใช่แค่การช่วยให้บริษัทเพิ่มกำไรและช่วยในการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กร แต่ยังเกี่ยวกับการพัฒนาและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้นอีกด้วย การใช้ CRM เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า เราสามารถมอบประสบการณ์ที่เป็นแบบส่วนตัวมากยิ่งขึ้น(Personalization) และส่งเสริมความภักดีของลูกค้า (Loyalty) ประโยชน์ของการใช้ระบบ CRM มีมากมายดังนั้นองค์กรที่ลงทุนก่อนก็มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีก่อนในแง่ของการเติบโตและผลกำไรและช่วยให้ได้เปรียบคู่แข่งเป็นอย่างมาก

ถ้าหากท่านใดกำลังสนใจระบบ CRM อยู่และยังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้แบบไหนดีสามารถอ่านเพิ่มเติมได้เกี่ยวกับ Salesforce ก่อนโดยคลิ๊กที่นี่ลิงค์ Salesforce คืออะไร ?

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี

What is salesforce genie
บทความ

Salesforce genie คืออะไร ? (CDP)

Salesforce Genie CDP (Customer data Platform) คือแพลตฟอร์ม CDP เป็นหนึ่งในโซลูชั่นของทาง Salesforce เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างมากสามารถทำให้ธุรกิจได้รับมุมมองที่ครอบคลุมจากลูกค้า โดยการรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเข้าด้วยกันให้มาอยู่ในที่ที่เดียวโดยเราเรียกว่า Centralization ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะเข้ามาจากช่องทางไหนก็จะถูกเก็บมารวบรวมไว้ในที่ที่เดียวทำให้ข้อมูลไม่กระจัดกระจายเวลาที่จะนำมาใช้งานวิเคราะห์ก็สามารถทำได้โดยง่าย มากไปกว่านั้นสามารถจัดการข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้เข้าใจความต้องการและความชอบของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และข้อมูลที่รวบรวมสามารถใช้เพื่อสร้างมุมมองลูกค้าเดียวได้อีกด้วย(Personalization) ซึ่งสามารถใช้เพื่อปรับแต่งการสื่อสารกับลูกค้าและปรับปรุง customer engangement

Salesforce Genie ที่เป็นมากกว่า CDP

Customer data platform (CDP) ช่วยให้ธุรกิจต่างๆสามารถเข้าใจผู้บริโภคได้ดีขึ้นโดยการเก็บรวบรวมบันทึก First party data ที่เชื่อถือได้ของผู้ที่ติดต่อเข้ามาทุกคนและการใช้ Genie จะทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ไม่สำคัญว่าลูกค้าจะอยู่ในขั้นตอนการซื้อผลิตภัณฑ์หรือขั้นตอนการรับความช่วยเหลือหลังการขาย (Customer journey)

ด้วยความสามารถในการรวบรวมและจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ทำให้เราสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าปรับปรุงคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูล เพื่อนำไปทำ Personalized Marketing ให้กับลูกค้าได้เพื่อให้เกิดความพึงพอใจตั้งแต่ตอนที่ลูกค้าเข้ามาติดต่อสอบถาม หรืออยู่ในระหว่างขั้นตอนที่กำลังซื้อ จวบจนกระทั่งถึงการปิดการขาย นำไปสู่การมี Customer journey ที่ดีเมื่อมี Customer journey ที่ดีแล้วก็จะนำไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์หรือสินค้านั้นๆ (Customer Loyalty)

5 ข้อดีและประโยชน์จากการใช้งาน Salesforce Genie CDP

1. Salesforce Genie ช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนาและเพิ่ม Customer Engangement

ด้วยการรวบรวมและจัดการข้อมูลจากหลากหลายช่องทางให้มาอยู่ในที่ที่เดียวเพื่อให้ข้อมูลไม่กระจัดกระจายเพื่อให้เวลาที่จะนำมาใช้งานสามารถหาได้โดยง่ายไม่เสียเวลา และเมื่อมีข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาแล้วเราก็สามารถเข้าใจลูกค้าได้อย่างมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยปรับเปลี่ยนการสื่อสารหรือการยิงแคมเปญด้านการตลาดให้เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น(Personailzation) สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ยอดขายและรายได้ที่เพิ่มขึ้นในที่สุด

2.คุณภาพของ Data ที่เพิ่มขึ้น

Salesforce Genie ช่วยทำให้ข้อมูลลูกค้าเป็นมาตรฐานเดียวกันจาการเก็บข้อมูลของลูกค้าที่มาอยู่ในที่ที่เดียว ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มคุณภาพและความแม่นยำของข้อมูล สิ่งนี้จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของการตลาดและการขาย

3. ช่วยให้การทำ Personailzed marketing ดียิ่งขึ้น

ด้วยคุณภาพข้อมูลที่ดีขึ้น ธุรกิจสามารถใช้ Salesforce Genie เพื่อสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่เป็นแบบ Personalization มากขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงคำแนะนำส่วนบุคคล แคมเปญการตลาดที่ตรงเป้าหมาย และการสื่อสารที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าคนนั้นๆ ยกตัวอย่างเวลาที่เราดู Youtube หรือ Netflix จะมีการอัลกอริทึมแนะนำวีดีโอหรือหนังแนวที่เราชอบดูเป็นประจำ

4. จัดกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

Salesforce Genie ช่วยให้สามารถแบ่งกลุ่มลูกค้า(Segmentation) ได้ถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น การเก็บข้อมูลของลูกค้าไม่ว่าลูกค้าจะเข้ามาจากช่องทางไหนเราก็จะสามารถทราบได้ว่าลูกค้าคือคนคนเดียวกันเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า(customer satisfaction) และ สร้าง Customer journey ที่ดี มากไปกว่านั้นสามารถช่วยให้ธุรกิจยิงแคมเปญด้านการตลาดได้แม่นยำและถูกต้องมากยิ่งขึ้นจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาช่วยอีกทั้งยังช่วยปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

5.ทำให้ภายในองค์กรทำงานได้ง่ายขึ้น

เนื่องจาก Salesforce Genie นั้นมีเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ในที่ที่เดียว ดังนั้นคนในองค์กรไม่ว่าจะอยู่แผนกไหนก็ตามถ้าเกิดต้องการทราบข้อมูลของลูกค้าคนนั้นๆก็จะสามารถเข้าไปดูได้ที่ระบบเลย โดยไม่ต้องไปเสียเวลานั่งหาหรือนั่งถามว่าใครไปคนเก็บข้อมูลลูกค้าและสามารถเห็นได้ด้วยว่าใครเป็นคนอัพเดทหรือเก็บข้อมูลของลูกค้าคนนั้นๆเผื่อมีคำถามเพิ่มเติมที่ต้องการจะพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้า

สำหรับท่านที่ต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวแพลตฟอร์ม Salesforce สามารถอ่านได้ลิงค์ Salesforce คืออะไร ?

สรุป

Salesforce Genie นั้นเป็นเครื่องมือที่มีสิทธิภาพอย่างมากสามารถช่วยให้ธุรกิจได้รับมุมมองที่ครอบคลุมแบบ 360 โดยการรวมข้อมูลจากหลายแหล่งหลายช่องทางเข้าด้วยกันและให้มาเก็บไว้ในที่ที่เดียว ด้วยการรวบรวมและจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ธุรกิจสามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า(Customer engangement) เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า ปรับปรุงคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูล มากไปกว่านั้นสามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับเปลี่ยนการสื่อสารให้เป็นแบบส่วนตัว (Personalization) เพื่อทำให้เกิดความพึงพอใจของลูกค้าให้ได้มากที่สุด สิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากขึ้นและขับเคลื่อนการเติบโตให้กับบริษัทต่อไป

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี

5 Benefits of Salesforce
บทความ

5 ข้อดีของ Salesforce

Salesforce คือหนึ่งในแพลตฟอร์ม CRM ระดับโลกที่บริษัทชั้นนำระดับโลกส่วนใหญ่เลือกใช้เนื่องจากมีเครื่องมือที่ครอบคลุมสำหรับธุรกิจและยังเป็นระบบ CRM ที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยในการจัดการธุรกิจและการขาย แพลตฟอร์ม Salesforce จะช่วยให้สามารถสร้างเวิร์กโฟลว์แบบกำหนดเอง จัดระเบียบข้อมูล สร้างรายงาน และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้ทางทีมงาน M Intelligence จะพาทุกคนไปดู 5 ข้อดีของ Salesforce ว่ามีข้อดีอย่างไรและจะช่วยให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร

5 ข้อดีของ Salesforce ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

1.สามารถปรับแต่งให้เข้ากับธุรกิจได้โดยง่าย (Customization)

ข้อดีข้อแรกเลยที่จะข้อพูดถึงจากตัว Salesforce นั่นก็คือการ Customize ได้ซึ่งหมายความว่าตัว Salesforce สามารถปรับแต่งตัวเองให้เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจของเราได้ ตัวอย่างเช่น หากบริษัทต้องการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆหรือแก้ไขฟีเจอร์เดิมที่มีอยู่ตัว Salesforce สามารถทำได้โดยง่ายไม่ว่าบริษัทของคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม เช่น ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ หรือ อาหาร ด้วยความสามารถในการปรับแต่งเหล่านี้จึงทำให้ Salesforce เป็นตัวเลือกที่ยอดนิยมสำหรับบริษัทที่ต้องการใช้ระบบซอฟต์แวร์ CRM พัฒนาไปพร้อมๆกับการเติบโตของบริษัท

2.ความสามารถในการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆได้เอง

Salesforce สามารถให้ผู้ใช้งานสร้างฟีเจอร์ใหม่ๆได้ด้วยตนเองโดยใช้เครื่องมือต่างๆเช่น หน้า Visualforce หรือคอมโพเนนต์ Lightning (ซึ่งช่วยให้นักพัฒนา(developers) ที่รู้ภาษา HTML/CSS/JavaScript) ซึ่งหมายความว่าหากมีบางอย่างขาดหายไปหรือฟีเจอร์ไม่ครบจากแพลตฟอร์ม Salesforce นี้หรือแม้แต่ระบบ CRM อื่นๆในตลาดปัจจุบันยังไม่มี เราสามารถให้ Developer ในบริษัทสร้างมันคือขึ้นมาได้อย่างง่ายดายโดยทาง Salesforce ให้นิยามไว้ว่า “someone could build it themselves with minimal effort”

3.การวิเคราะห์ที่ง่ายขึ้น

Salesforce Analytics เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างมากสามารถที่จะใช้เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพการขายรวมถึงทีม,พฤติกรรมของลูกค้า และประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในองค์กร นอกจากนี้ยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจและการขายโดยรวมของบริษัทได้อีกด้วย มากไปกว่านั้น Salesforce Analytics เราสามารถสร้างรายงานแบบกำหนดเองที่ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับองค์กรในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าเราสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นในแต่ละวันโดยรู้ว่าแต่ละเดือนหรือสัปดาห์จะมีเงินเข้ามาเท่าไหร่ ลูกค้าซื้ออะไรจากช่องทางใด ทำไมช่วงนี้มีกำลังซื้อมากกว่าปกติ ทำไมไม่ได้ทำยอดขายเลยในช่วงนี้

4.ช่วยประหยัดเวลา

เราสามารถที่จะจัดการเวลาและวางแผนสำหรับวันได้ดีขึ้นจากการมี Salesforce เข้ามาช่วย Salesforce สามารถให้เราสร้าง Task ของงานนั้นๆได้ติดตามชั่วโมงที่ใช้ไปกับงานเหล่านั้น และจัดลำดับความสำคัญตามลำดับความสำคัญอันไหนก่อนอันไหนหลัง มากไปกว่านั้นเรายังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติเพื่อที่ว่าเมื่องานเสร็จจะมีการแจ้งโดยอัตโนมัติ (Automation) สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้จัดการปริมาณงานได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยให้ผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับงานของเราในองค์กรรู้ว่าพวกเขาต้องอยู่ที่ไหนในช่วงเวลาใดในการทำงาน

5.กระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า

Salesforce CRM ช่วยกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วยการเป็น Single platform ที่สามารถจัดการข้อมูลลูกค้าทั้งหมดภายในแพลตฟอร์มเดียว ข้อมูลใน Salesforce สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น สามารถระบุโอกาสการขายใหม่ๆที่อาจจะเกิดได้ในอนาคต การปรับปรุงประสิทธิภาพหลังการขาย เช่น เรามีข้อมูลลูกค้าอยู่ในมือแล้วเราจะสามารถทำการ Upsell ต่อลูกค้าคนนี้ได้อย่างไร ต้องทำ Personailzed marketing กับกลุ่มลูกค้าอย่างไรดีจึงจะเกิดการซื้อซ้ำและการบอกต่อของลูกค้าให้ไปในแง่บวก

สำหรับท่านที่ต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Salesforce สามารถอ่านได้ลิงค์ Salesforce คืออะไร ?

สรุป

Salesforce CRM เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการช่วยคุณจัดการธุรกิจ สามารถใช้สำหรับการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและการขาย ดังนั้นจึงเป็นโซลูชันครบวงจรที่จะช่วยคุณประหยัดเวลาและเงิน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าไฟล์หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทของคุณจะสูญหาย

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี

 

5 ข้อดีของระบบ CRM
บทความ

5 ข้อดีของระบบ CRM

การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือที่เราเรียกกันว่า CRM เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ CRM เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆสามารถจัดการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น สามารถติดตามการขายและทำแคมเปญด้านการตลาดไปในตัว และสามารถรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ในการช่วยตัดสินใจ 

มากไปกว่านั้น CRM ยังเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและมีประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจและบริษัท ช่วยให้การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าดีขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุง การทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น และการประหยัดต้นทุน โดยในบทความนี้ เราจะพาไปดูข้อดีของ CRM และเหตุผลที่ทุกธุรกิจควรมี

 

5 ข้อดีของระบบ CRM

 

  1. ระบบ CRM ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรเพิ่มขึ้น เช่น สามารถช่วยบริษัทเพิ่มความคล่องตัวในการขาย,ด้านการตลาด และการบริการลูกค้า ส่งผลให้ประสิทธิภาพและเกิดความพึงพอใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าทั้งหมดถูกจัดเก็บไว้ที่ตำแหน่งศูนย์กลางแห่งเดียว(Center) ทำให้เข้าถึงและจัดการได้ง่ายทุกคนในบริษัทจะเห็นข้อมูลเดียวกันทั้งหมด

 

  1. ช่วยพัฒนาและปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ระบบ CRM ช่วยให้บริษัทต่างๆมีมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับลูกค้าหรือที่เราเรียกกันว่าแบบ360 และ CRM ยังสามารถปรับแต่งการสื่อสารแคมเปญด้านการตลาดและข้อเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า(Personalization) เพราะเหตุนี้ CRM จึงสามารถช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าได้ ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มรายได้และการเติบโตของธุรกิจต่อไป

 

  1. การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากระบบ CRM สามารถเก็บรวบรวมและให้ข้อมูลเชิงลึกพร้อมกับการวิเคราะห์แบบ Insight ของลูกค้าแต่ละราย เช่นเกี่ยวกับพฤติกรรม ความชอบ และรูปแบบการซื้อของลูกค้ารวมไปถึง Customer Journey ข้อมูลพวกนี้สามารถใช้เพื่อช่วยในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์หรือแคมเปญด้านการตลาดและโอกาสใหม่ช่องทางใหม่ๆในอนาคต

 

  1. การทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น: ระบบ CRM ช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้คนในบริษัทนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าและประวัติการสื่อสารแบบเรียลไทม์โดยจะเห็นข้อมูลแบบเดียวกันทั้งหมดในทุกๆแผนก สิ่งนี้ช่วยปรับปรุงการสื่อสารและการประสานงาน ซึ่งจะนำไปสู่การขายที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นและความพึงพอใจในการบริการลูกค้า

 

  1. ช่วยให้ประหยัดต้นทุนทั้งเงินและเวลา จากการทำงานแบบเดิมๆที่น่าเบื่อและใช้เวลานาน ระบบ CRM สามารถช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลาและเงินได้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่าง CRM สามารถทำงานอัตโนมัติ(Automation) เช่น การป้อนข้อมูล การติดตามลูกค้าเป้าหมาย และการจัดกำหนดการนัดหมาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นไปที่งานเชิงกลกยุทธ์ที่สำคัญมากขึ้นดีกว่าต้องมานั่งเสียเวลากับงานเล็กๆน้อยๆ นอกจากนี้ CRM ยังสามารถช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายของธุรกิจได้โดยการระบุโอกาสในการขายและปรับปรุงการรักษาลูกค้า (Loyalty) ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้และความสามารถในการทำกำไร

 

สรุป

CRM เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของบริษัทและต้องการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล ทำงานร่วมกันกับคนในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ติดตามการขายและแคมเปญการตลาด และรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจ

และหากท่านใดต้องการอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CRM สามารถอ่านต่อได้ที่นี่

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี

Salesforce คืออะไร
บทความ

Salesforce คืออะไร ?

Salesforce คืออะไร?

Salesforce คือแพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่มีฟีเจอร์เครื่องมือและความสามารถที่หลากหลายสำหรับธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ในการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารและเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า Salesforce CRM ช่วยให้บริษัท มีจุดศูนย์รวมข้อมูลของลูกค้าซึ่งนำมาเก็บไว้ในที่ที่เดียวโดยที่ข้อมูลของลูกค้าจะไม่กระจัดกระจาย รวมถึงข้อมูลติดต่อ ข้อมูลการขาย และการพูดคุยกับลูกค้าที่ผ่านๆมา

นอกจากนี้ Salesforce ยังเป็นที่รู้จักในด้านความสามารถที่เรียกว่า integration ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถรวมระบบและแอปพลิเคชันที่มีอยู่เข้ากับแพลตฟอร์ม Salesforce ได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย ซึ่งหมายความว่าธุรกิจต่างๆจะสามารถใช้เครื่องมือและระบบที่คุ้นเคยอยู่แล้วได้ต่อไป ในขณะเดียวกันก็ใช้ประโยชน์จากความสามารถของ Salesforce ควบคู่กันไปได้อีกด้วย ตัวอย่างรายชื่อที่ Salesforce สามารถทำการ integration กับเครื่องมือทางธุรกิจที่เป็นที่นิยมได้ เช่น Google Analytics, LinkedIn และ Mailchimp สิ่งนี้ทำให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อข้อมูล Salesforce กับระบบอื่นๆ ที่ใช้อยู่แล้วได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยให้ใช้ข้อมูลได้ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ

ประโยชน์ของ Salesforce และเหตุผลว่าทำไมบริษัทชั้นนำระดับโลกจึงเลือกใช้ Salesforce ?

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Salesforce ได้รับความนิยมในหมู่บริษัทชั้นนำคือมีเครื่องมือและคุณสมบัติที่ปรับแต่งได้หลากหลาย ซึ่งสามารถปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของธุรกิจต่างๆ ได้ สามารถใช้ Salesforce CRM เพื่อจัดการทุกอย่างตั้งแต่การขายและการตลาด การบริการลูกค้าและการสนับสนุน ไปจนถึงอีคอมเมิร์ซและอีกมากมาย ซึ่งหมายความว่าธุรกิจต่างๆ สามารถเลือกฟังก์ชันการทำงานที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะของตนและปรับแต่งให้เหมาะกับการดำเนินงานได้

ในอีกแง่มุมหนึ่งที่ทำให้ Salesforce เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของบริษัทชั้นนำระดับโลก ก็คือความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆอยู่เสมอ Salesforce จะมีการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆเป็นประจำบนแพลตฟอร์มอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าสามารถเข้าถึงเครื่องมือต่างๆและฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกอัพเดทล่าสุดได้เสมอ

มากไปกว่านั้นที่ทำให้ Salesforce เป็นที่นิยมในหมู่บริษัทชั้นนำระดับโลกก็คือความสามารถในการทำให้กระบวนการทางธุรกิจต่างๆ เป็นไปโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น Salesforce สามารถกำหนดลีดให้กับตัวแทนฝ่ายขายโดยอัตโนมัติตามเกณฑ์ที่เราสามารถตั้งค่าจาก Salesforce ไว้ล่วงหน้า ส่งอีเมลติดตามผลให้กับลูกค้า หรือแม้แต่เรียกใช้แคมเปญการตลาดส่วนบุคคล(Personalized Marketing) ระบบอัตโนมัตินี้สามารถช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีมากยิ่งขึ้น

และที่ขาดไม่ได้เลยอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทระดับโลกเลือกใช้ Salesforce ก็คือการซัพพอร์ตที่ดีให้กับลูกค้าของ Salesforce ในแง่ของการซัพพอร์ตลูกค้าเป็นอะไรที่มักจะถูกลูกค้าชมอยู่เสมอ Salesforce มีตัวเลือกการซัพพอร์ตที่หลากหลาย รวมถึงแหล่งข้อมูลออนไลน์ มีฟอรัมชุมชนให้กับผู้คนได้ตั้งคำถามพูดคุย และการสนับสนุนทางโทรศัพท์ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับความช่วยเหลือที่ต้องการเมื่อต้องการ มากไปกว่านั้น Salesforce ยังมอบใบรับรองและโปรแกรมการฝึกอบรมที่ช่วยให้บริษัทและพนักงานมีความเชี่ยวชาญในแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ต่างๆได้มากที่สุด

สรุป

Salesforce เป็นแพลตฟอร์ม CRM ที่แข็งแกร่งและเป็นอันดับหนึ่งของโลกด้าน CRM ความสามารถในการปรับแต่ง ความสามารถในการปรับขนาด ความสามารถในการ integration ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆที่คอยอัพเดทอยู่เสมอ และมีการซัพพอร์ตลูกค้าที่แข็งแกร่ง นี่จึงทำให้บริษัทเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆขององค์กรใหญ่ๆเวลาที่ลูกค้ามองหา CRM

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
1 2 4 5 6 7

ร่วมทดลอง CRM #1 ของโลกฟรี 30 วัน

Get a Quote

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

Save