Articles Tagged with

Salesforce

CRM
บทความ

CRM ช่วยปรับปรุงและพัฒนาแคมเปญด้านการตลาด

ซอฟต์แวร์การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือที่เราเรียกกันว่า CRM เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยปรับปรุงและพัฒนาแคมเปญการตลาด โดยการทำให้ข้อมูลลูกค้ามีจุดศูนย์กลางในการเก็บข้อมูล เช่น พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าเป็นต้น ซอฟต์แวร์ CRM สามารถช่วยให้นักการตลาดสร้างข้อความการตลาดที่ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้

ตัวอย่างการใช้ใช้ซอฟต์แวร์ CRM เพื่อปรับปรุงแคมเปญการตลาด

แยกกลุ่มลูกค้าด้วยซอฟต์แวร์ CRM

CRM สามารถช่วยคุณแยกกลุ่มลูกค้าของคุณตามปัจจัยต่างๆได้ เช่น ลักษณะทางสถิติ ความสนใจ และประวัติการซื้อของลูกค้า ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างข้อความการตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น มากไปกว่านั้นซอฟต์แวร์

ติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญทางการตลาด

CRM ยังสามารถติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญทางการตลาดได้ เช่น จำนวนผู้ที่เปิดอีเมลจากที่ส่งไป จำนวนของการคลิกลิงก์ที่แนบไป และการซื้อสินค้า ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณรู้ว่าอะไรทำงานได้ดีและอะไรที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ

วัดผลตอบแทนของการลงทุน (ROI)

CRM ยังสามารถช่วยคุณวัดผลตอบแทนของการลงทุน (ROI) ในแคมเปญการตลาดได้อีกด้วยข้อมูลเหล่านี้จะสามารถช่วยให้แสดงให้เห็นว่า งบประมาณการตลาดเป็นไปตามที่เราต้องการหรือไม่และทำให้มั่นใจได้ว่าได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการลงทุนในแคมเปญด้านการตลาด

นอกเหนือจากประโยชน์ข้างบนซอฟต์แวร์ CRM ยังช่วยให้ทำงานได้สะดวกสบายมากขึ้น

  • Automation ซอฟต์แวร์ CRM สามาถช่วยงานให้สะดวกสบายมากขึ้นด้วย Automation เช่น การส่งอีเมลแคมเปญ การติดตามลูกค้าที่นำไปสู่การซื้อ ซึ่งจะช่วยให้นักการตลาดมีเวลามากขึ้นและนำเวลาไปสร้างกลยุทธ์หรือปรับปรุงบริการลูกค้า
  • ซอฟต์แวร์ CRM ช่วยให้คุณให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยให้มุมมองเดียวกันของลูกค้าทุกช่องทาง นี่หมายถึงคุณสามารถดูทุกปฏิสัมพันธ์ของลูกค้ากับธุรกิจของคุณได้ตั้งแต่การซื้อครั้งแรกจนถึงใบสนับสนุนล่าสุด สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า
  • ซอฟต์แวร์ CRM ช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า โดยให้คุณมีเครื่องมือที่จำเป็นในการติดต่อกับลูกค้าและเข้าใจความต้องการของพวกเขา สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความภักดีของลูกค้าและการซื้อสินค้าซ้ำ

ทิ้งท้าย

ถ้าผู้อ่านมี CRM อยู่แล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่า CRM ได้รับการ integration ให้เข้ากับเครื่องมือการตลาดอื่น ๆ ซึ่งมันจะช่วยให้แบ่งปันข้อมูลได้ทั่วทั้งแพลตฟอร์มและเพื่อให้มีภาพรวม Profile ของลูกค้าแบบละเอียดและอย่าลืมที่จะตั้งค่ารายงานและวิเคราะห์เป็นประจำนี้ เนื่องจากจะช่วยให้คุณติดตามผลการดำเนินงานของแคมเปญการตลาดและนำมาปรับปรุงตามแผน

แต่ถ้าผู้อ่านท่านใดยังไม่รู้จักว่า CRM คืออะไรแล้วละก็ตามไปอ่านได้ที่นี่เลย : CRM คืออะไร

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Customer journey
บทความ

Customer Journey ที่ดีจะนำไปสู่ ROI ที่เพิ่มขึ้น

แน่นอนว่าการเพิ่มกำไร (ROI) เป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับทุกๆธุรกิจ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้ายังเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่ม ROI ของธุรกิจและเพื่อที่จะทำได้นั้น การเข้าใจและการสร้าง Customer Journey ที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก 

Customer Journey คืออะไร ?

Customer Journey หมายถึงการเดินทางของลูกค้าในระหว่างการซื้อสินค้าหรือพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับตัวสินค้าหรือบริการ ซึ่งถือว่าเป็นระยะทางที่ลูกค้าผ่านมาตั้งแต่ระหว่างการค้นหาสินค้าหรือบริการจนถึงการซื้อสินค้า การใช้งานหรือการบริการ และการสร้างความคุ้นเคยกับแบรนด์ ความสำคัญของ Customer Journey ที่ดีก็คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีและน่าสนใจให้กับลูกค้าทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจและต้องการกลับมาใช้บริการอีกครั้งในอนาคต

Customer Journey ประกอบไปด้วยหลายช่วงเวลา

Customer Journey ประกอบด้วยช่วงเวลาและขั้นตอนต่างๆที่ลูกค้าผ่านเพื่อทำธุรกิจ ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล การตัดสินใจในการซื้อ การทดลองใช้งาน การซื้อสินค้าหรือบริการ และการติดตามหลังการซื้อ เพื่อให้สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในแต่ละช่วง ควรมีการระบุช่วงเวลาและขั้นตอนของ Customer Journey เพื่อให้สามารถวางแผนและสร้างประสบการณ์ที่เหมาะสมแก่ลูกค้าได้อย่างเต็มที่

การสร้าง Customer Journey ที่มีประสิทธิภาพ

การสร้าง Customer Journey ที่มีประสิทธิภาพเริ่มต้นด้วยการศึกษาและการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า คุณควรเข้าใจลักษณะและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า เพื่อให้สามารถปรับปรุงแก้ไข Customer Journey ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรกำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์ในการสร้าง Customer Journey เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ในธุรกิจ มากไปกว่านั้นการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยให้มีการติดตามและการประเมินผลของ Customer Journey ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวัดผลลัพธ์และปรับปรุง Customer Journey

เพื่อให้ Customer Journey มีประสิทธิภาพสูงสุด เราควรทำการติดตามและวัดผลของ Customer Journey โดยใช้ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง เช่น อัตราการแปลงลูกค้า (conversion rate) ระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละช่วงของ Customer Journey หรือระดับความพึงพอใจของลูกค้า หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่อง เราควรปรับปรุงและปรับแก้ Customer Journey เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเติมเต็มประสบการณ์ของลูกค้า อย่าลืมทำการทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้าง Customer Journey ที่ดีกับคุณธุรกิจ

สรุป

การสร้างและพัฒนา Customer Journey ที่ดีเป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับการเพิ่ม ROI ของธุรกิจ โดยจะต้องเข้าใจและวิเคราะห์ลูกค้าอย่างละเอียด และการสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจในแต่ละช่วงของ Customer Journey จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและสร้างความเชื่อมั่นทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ ROI ในธุรกิจ

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Salesforce Risk
บทความ

8 ความเสี่ยงของการไม่มี CRM ในการดำเนินธุรกิจ

การดำเนินธุรกิจในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องเผชิญอยู่ตลอดเวลาและการมี CRM (Customer Relationship Management) เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรขาดในการจัดการธุรกิจในปัจจุบัน แต่หากคุณไม่มีระบบ CRM ที่มีประสิทธิภาพ คุณอาจพบความเสี่ยงต่อธุรกิจของคุณที่อาจทำให้คู่แข่งเริ่มเป็นผู้นำตลอดเวลาและในบทความนี้จะแสดงให้เห็นถึง 8 ความเสี่ยงที่คุณอาจพบเมื่อไม่มี CRM

1.ขาดความสอดคล้องในการติดต่อลูกค้า

หากคุณไม่มี CRM เพื่อจัดเก็บข้อมูลลูกค้าและประวัติการติดต่อ คุณอาจพลาดโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์และติดต่อลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และคู่แข่งอาจได้รับข้อมูลลูกค้าที่มีคุณค่าและนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการแข่งขัน

2.ขาดการวิเคราะห์และการตัดสินใจที่มีข้อมูล

การใช้ CRM ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและตัดสินใจที่มีความรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เมื่อคุณไม่มีระบบที่เก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างเป็นระเบียบ คุณอาจพลาดการวิเคราะห์ที่มีความสำคัญเพื่อให้คุณตัดสินใจที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

3.ขาดการทำงานที่เป็นระบบและความเสถียร

การมี CRM ช่วยให้ธุรกิจของคุณทำงานได้อย่างเป็นระบบ การทำงานที่มีความเสถียรจะช่วยให้คุณสามารถติดตามข้อมูลลูกค้าและกิจกรรมทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง หากคุณไม่มีระบบที่เป็นระบบ อาจเกิดความสับสนและความไม่เสถียรภาพซึ่งอาจส่งผลให้คุณไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

4.ขาดการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

CRM ช่วยให้ธุรกิจของคุณเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ เช่น การติดตามลูกค้าที่มีโอกาสเกิดซื้อซ้ำ การจัดการกิจกรรมขายที่มีประสิทธิภาพ และการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กร หากคุณไม่มี CRM เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ คุณอาจพลาดโอกาสในการพัฒนาธุรกิจของคุณอย่างต่อเนื่อง

5.ขาดความเชื่อมั่นจากลูกค้า

การมีระบบ CRM ช่วยให้คุณสามารถสร้างความเชื่อมั่นในลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถติดตามและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในระยะยาวได้อย่างเหมาะสม หากคุณไม่มีระบบที่สามารถช่วยในเรื่องนี้ คู่แข่งอาจได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าของคุณเปลี่ยนไปใช้สินค้าหรือบริการของคู่แข่งแทน

6.ขาดการบริหารจัดการลูกค้า

การใช้ CRM เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการลูกค้า คุณสามารถทำการวางแผนการติดต่อลูกค้า การสร้างและดูแลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพได้ หากคุณไม่มี CRM ที่เหมาะสม คุณอาจพลาดการบริหารจัดการลูกค้าในระดับที่มีประสิทธิภาพ และอาจส่งผลให้ลูกค้าสูญเสียความพึงพอใจและเลือกใช้บริการของคู่แข่ง

7.ขาดการตอบสนองที่รวดเร็ว

CRM ช่วยให้คุณสามารถตอบสนองต่อลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ด้วยข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ในระบบ คุณสามารถให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหา หรือช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณไม่มี CRM เพื่อช่วยในกระบวนการตอบสนอง คุณอาจพลาดโอกาสในการตอบสนองลูกค้าที่รวดเร็วและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง

8.ขาดการเสริมสร้างความผูกพันและความลงตัวของลูกค้า

CRM เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการเสริมสร้างความผูกพันและความลงตัวของลูกค้า คุณสามารถให้บริการที่ตรงกับความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ หากคุณไม่มี CRM ที่สามารถช่วยในเรื่องนี้ คู่แข่งอาจมีการสร้างความผูกพันและความลงตัวกับลูกค้าได้ดียิ่งกว่าคุณ

สรุป

การไม่มี CRM หรือมี CRM ที่ไม่มีประสิทธิภาพอาจเป็นความเสี่ยงต่อธุรกิจของคุณซึ่งอาจทำให้คู่แข่งเริ่มเป็นผู้นำและไม่สามารถที่จะแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างทันท่วงที ดังนั้น หากคุณต้องการเป็นผู้นำในวงการธุรกิจ การใช้ CRM เพื่อจัดการธุรกิจและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
CRM
บทความ

5 ประโยชน์สูงสุดของแพลตฟอร์ม CRM

ในบทความของวันนี้เราจะพาทุกคนมาดู 5 ประโยชน์สูงสุดของแพลตฟอร์ม CRM ที่ทำไมบริษัทชั้นนำระดับโลกจึงเลือกใช้ซอฟแวร์ตัวนี้เข้ามาช่วยในการดำเนินงานภายในบริษัท

5 ประโยชน์ของแพลตฟอร์ม CRM

1.รายงานที่น่าเชื่อถือ

ข้อมูลเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจและมีจากแหล่งที่มาหลายแห่ง เช่น โซเชียลมีเดีย google analytics 4 ซอฟต์แวร์ธุรกิจและแอปพลิเคชันต่างๆแต่ข้อมูลเหล่านี้จะไม่เป็นประโยชน์ถ้าไม่ได้ถูกจัดเรียงให้ดีและผ่านการวิเคราะห์

บริษัททุกขนาดใช้โซเชียลมีเดียและพฤติกรรมทางสถิติจากแพลตฟอร์มเหล่านั้นเป็นส่วนสำคัญในการติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ของลูกค้าอย่างไรก็ตามเราไม่สามารถพึ่งพาเครื่องมือเหล่านี้ได้ตลอดเนื่องจากบางครั้งอาจจะไม่เห็น Insight ของลูกค้าจริงๆ ระบบ CRM จะช่วยให้สามารถลงลึกในข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าและตัวชี้วัดต่างๆทั้งหมดรวมถึงข้อมูลจากแหล่งที่มาอื่น ๆและนี่ก็เป็นหนึ่งในประโยชน์ที่ดีที่สุดของระบบ CR

2.แดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลในรูปแบบกราฟฟิก

การใช้สเปรดชีตในการจัดการบริษัทของคุณหมายความว่าคุณต้องป้อนหรือนำเข้าข้อมูลด้วยตนเองค้นหาว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญและจัดเรียงข้อมูลนี้ในรูปแบบกราฟฟิก แต่ CRM นั้นสามารถทำในสิ่งที่ได้บอกมาข้างต้นแบบอัตโนมัติและแสดงผลออกมาแบบกราฟฟิค และเรายังสามารถใช้จากแดชบอร์ดได้มากกว่าที่คิด เช่น คุณสามารถตั้งค่าแดชบอร์ดสำหรับทุกคนในบริษัทของคุณที่มีข้อมูลเข้าสู่ระบบ CRM ตัวอย่างเช่น ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดอาจสนใจในข้อมูลการตลาดทางอีเมลโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการคลิกผ่านของแต่ละแคมเปญ โดยสามารถตั้งค่าแดชบอร์ดที่แสดงผลทันทีว่าอีเมลหนึ่งๆถูกส่งไปยังกี่คน มีกี่คนเปิดอีเมล อัตราการคลิกผ่านเป็นเท่าไร และอื่น ๆ และผู้อำนวยการฝ่ายขายอาจต้องการทราบว่ามีการโทรออกไปกี่ครั้งต่อชั่วโมง และมีกี่ครั้งที่การโทรเกิดผลบวก เช่นการนัดหมายหรือการสาธิตในอนาคต แดชบอร์ดเลยช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นข้อมูลที่สำคัญที่สุดต่อการทำงานของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องค้นหา คัดกรอง จัดเรียงหรือรันรายงาน

3.การสื่อสารส่วนตัวมากขึ้นด้วยอัตโนมัติ

เนื่องจากการที่เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายจากอุตสาหกรรมต่างๆเราสามารถสร้างข้อความและการสื่อสารที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันได้ เพื่อใช้ในการสื่อสารที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานด้วยตนเองหรือใช้ Automation เช่น เว็บไซต์บริษัททัวร์หากมีบุคคลใดสร้างแผนการเดินทางที่กำหนดเองสำหรับการเดินทางไปเมืองไทย แทนที่จะส่งอีเมลทั่วไปเกี่ยวกับการท่องเที่ยวคุณสามารถเริ่มการแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่สร้างแผนการท่องเที่ยวที่กำหนดเองสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

4.การเพิ่มประสิทธิภาพโดย Automation

การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม CRM โดยใช้ Automation เข้ามาช่วยในการทำงานเช่นการจัดเก็บข้อมูลเชิงประสิทธิภาพและข้อมูลเรียลไทม์และสนับสนุนการทำงานร่วมกันอย่างรวดเร็วให้กับทุกๆทีมในบริษัท

ตัวอย่างการเพิ่มประสิทธิภาพ

  • การใช้ Automation เพื่อให้เกิดกระบวนการธุรกิจที่เร็วขึ้นซึ่งรวมถึงการลดเวลาในการส่งอีเมลและการดูแลลูกค้าผ่านการตั้งค่าอัตโนมัติ
  • การติดตามและการแจ้งเตือนที่ทันทีทำให้คุณไม่พลาดการติดต่อสำคัญจากลูกค้าหรือคู่ค้า
  • การจัดการโอกาสขายอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการติดตามอัตโนมัติและการแบ่งปันข้อมูลในทีมเพื่อประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้า
  • การรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจที่มีความสำคัญในเวลาเป็นเวลาอย่างรวดเร็ว

5.การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว

ซอฟต์แวร์ CRM ช่วยให้คุณสามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบสถานะและเข้าใจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าของคุณได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการซื้อของลูกค้าในครั้งถัดไป การสั่งซื้อที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด และการติดต่อกับทีมขาย ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญในการปรับแผนการตลาดและการขายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ คุณยังสามารถสร้างรายงานที่กำหนดเองเพื่อดูข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว รายงานเหล่านี้สามารถแสดงข้อมูลเชิงกราฟิกให้คุณเห็นภาพรวมและแนวโน้มที่สำคัญ เพื่อช่วยในการตัดสินใจและการวางแผนทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

Automation Features in Your CRM Platform Help You Work More Efficiently

https://www.salesforce.com/ap/resources/articles/benefits-of-crm/

 

แต่สำหรับท่านที่อ่านบทความจนจบแล้วยังสงสัยว่า CRM คืออะไร ? สามารถคลิ๊กได้ที่นี่เลย

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Salesforce Loyalty
บทความ

Salesforce ช่วยเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์

การบริการลูกค้าที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจในยุคปัจจุบันลูกค้าที่พึงพอใจและการให้บริการที่มีมีประสิทธิภาพเป็นก้าวที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีต่อธุรกิจในบทความนี้เราจะแสดงให้เห็นถึงวิธีที่ Salesforce ช่วยเพิ่มความภักดีของลูกค้าได้อย่างไร โดยการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อสร้างประสบการณ์การบริการที่ดีและปรับปรุงการสื่อสารกับลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Salesforce ช่วยเพิ่มความภักของลูกค้าได้อย่างไร

1. การทำความรู้จักลูกค้าอย่างละเอียด การทำความรู้จักลูกค้าอย่างละเอียดเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างความเข้าใจและการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ด้วย Salesforce และระบบ Customer Relationship Management (CRM) ที่เชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าทั้งหมดในที่เดียว ธุรกิจของคุณสามารถรวบรวมข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับลูกค้า ตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานเช่นชื่อและที่อยู่ ไปจนถึงประวัติการซื้อสินค้าและพฤติกรรมการใช้บริการ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้คุณมีวิจัยและการวางแผนที่มั่นใจขึ้นเมื่อต้องการนำเสนอโอกาสทางธุรกิจและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายอย่างแม่นยำ

2. การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่น่าตื่นตาตื่นใจ Salesforce มีเครื่องมือและโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่การใช้แอปพลิเคชันและพอร์ทัลที่กำหนดเองได้ การตั้งค่าการแจ้งเตือนและการแจ้งเตือนในเวลาที่เหมาะสม ไปจนถึงการใช้แมชชีนเรียนรู้และปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างการสื่อสารแบบส่วนตัวและก้าวหน้า ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น ลูกค้าจะรู้สึกอุ่นใจและรู้สึกว่าธุรกิจของคุณใส่ใจและมีความสนใจในความต้องการและปัญหาของพวกเขา

3. การตอบสนองต่อลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การตอบสนองต่อลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความพึงพอใจในการบริการ ด้วย Salesforce Service Cloud และเครื่องมือต่างๆ ที่ให้คุณสามารถจัดการและติดตามการสอบถามและปัญหาของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ความสามารถของระบบอัตโนมัติในการจัดกำหนดความสำคัญและการระบุปัญหาพิเศษช่วยลดเวลาในการตอบกลับลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา

4. การสร้างความภักดีผ่านการติดตามลูกค้า Salesforce ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถติดตามและรับข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้เครื่องมือในการสร้างแบบสำรวจและการติดตามความคิดเห็น นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างรายงานและแนวโน้มที่สำคัญได้อีกด้วย เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงและปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างความภักดีและความพึงพอใจในระยะยาว

5. การเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการก่อนที่พวกเขาจะต้องการ Salesforce มีเครื่องมือและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยคุณในการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า ซึ่งช่วยให้คุณสามารถพูดถึงและเสนอแนะสิ่งที่ลูกค้าต้องการก่อนที่พวกเขาจะต้องการ ความสามารถในการตัดสินใจและการปรับแผนที่ทันสมัยช่วยเพิ่มความเข้าใจในลูกค้าและสร้างความภักดีที่เหมาะสมต่อการตอบสนองต่อลูกค้า

สรุป

Salesforce เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบริการลูกค้าและการสนับสนุน การใช้ Salesforce ช่วยเพิ่มความภักดีของลูกค้าโดยการทำความรู้จักลูกค้าอย่างละเอียดการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่น่าตื่นตาตื่นใจ การตอบสนองต่อลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพและการเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการก่อนที่ลูกค้าจะต้องการด้วยการใช้ Salesforce คุณสามารถปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและสร้างความภักดีที่ยอดเยี่ยมให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Salesforce service
บทความ

Salesforce สำหรับการบริการลูกค้าและการสนับสนุน

เริ่มต้นกันที่ Salesforce Salesforce เป็นแพลตฟอร์ม CRM (Customer Relationship Management) ชั้นนำที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในการบริการลูกค้าและการสนับสนุน. ด้วยความสามารถที่หลากหลายและโมดูลที่ครอบคลุมทั้ง Service Cloud, Case Management, และ Knowledge Base, Salesforce เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม.

โมดูลที่เกี่ยวข้องกับการบริการลูกค้าและการสนับสนุน

Salesforce มีโมดูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริการลูกค้าและการสนับสนุนที่ช่วยให้ธุรกิจให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ. โมดูลที่น่าสนใจได้แก่:

Service Cloud: Service Cloud เป็นโมดูลหลักของ Salesforce ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถให้บริการลูกค้าและการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยม. ด้วยคุณสมบัติที่ทรงพลังเช่น ระบบการติดตามและจัดการเคสอัตโนมัติ, การสร้างและการดูแลฐานความรู้ในการแก้ไขปัญหาของลูกค้า, และการให้บริการผ่านช่องทางหลากหลาย เช่น เว็บไซต์, อีเมล, และโทรศัพท์.

Case Management: การจัดการเคสเป็นส่วนสำคัญในการบริการลูกค้า และ Salesforce มีโมดูล Case Management ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและจัดการเคสของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ. การใช้งานโมดูลนี้ช่วยให้ทีมงานสามารถรับเคส, ดำเนินการแก้ไขปัญหา, และติดตามความคืบหน้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ.

Knowledge Base: ฐานความรู้เป็นสิ่งสำคัญในการให้บริการลูกค้า. Salesforce มีโมดูล Knowledge Base ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างและบริหารจัดการฐานความรู้เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ. โมดูลนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูล, คำแนะนำ, และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของธุรกิจได้ง่ายขึ้น.

ตัวอย่างการใช้งาน Salesforce สำหรับการบริการลูกค้าและการสนับสนุน

เพื่อให้เห็นภาพรวมของการใช้งาน Salesforce สำหรับการบริการลูกค้าและการสนับสนุนมากยิ่งขึ้น

บริษัท XYZ ใช้ Salesforce Service Cloud เพื่อติดตามและจัดการเคสของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ. โดยทีมบริการลูกค้าสามารถรับเคสจากลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์และโทรศัพท์ ระบบจะทำการอัตโนมัติในการแจ้งเตือนและมอบหมายเคสให้กับพนักงานที่เหมาะสม ทีมงานสามารถติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขเคสและให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ในเวลาที่เหมาะสม.

บริษัท ABC ใช้ Salesforce Knowledge Base เพื่อสร้างฐานความรู้และคำแนะนำสำหรับลูกค้า. พนักงานบริการลูกค้าสามารถเข้าถึงฐานความรู้ผ่านระบบ Salesforce และสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตอบคำถามและแก้ไขปัญหาของลูกค้าอย่างรวดเร็ว. นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการสร้างข้อมูลอัตโนมัติเพื่อเติมเต็มฐานความรู้ใหม่ๆ และแก้ไขข้อมูลที่เก่าในระบบ.

ข้อดีของการใช้ Salesforce สำหรับการบริการลูกค้าและการสนับสนุน

-บริษัทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าและการสนับสนุน
-สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีและมีคุณภาพ
-ช่วยให้ทีมงานบริการลูกค้าทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
-สร้างและบริหารจัดการฐานความรู้ที่สำคัญสำหรับทีมงานบริการลูกค้า

สรุป

ในบทความนี้เราได้เขียนข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ Salesforce สำหรับการบริการลูกค้าและการสนับสนุนและภาพรวมเกี่ยวกับโมดูลที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในด้านนี้ การใช้ Salesforce สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณมีการบริการลูกค้าที่ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสร้างฐานความรู้ที่สำคัญและช่วยให้ทีมงานบริการลูกค้าทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Einstein GPT
บทความ

ทำความรู้จักกับ Einstein GPT (generative AI)

Einstein GPT เป็นนวัตกรรมเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดจากทาง Salesforce โดยตัว Einstein ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ของ Salesforce ที่สร้าง Predictions กว่า 200 พันล้านครั้งต่อวันบนระบบ CRM แบบเรียลไทม์อย่าง Customer 360 ซึ่งการ ‘ผสานโมเดล AI ของ Einstein เข้ากับ ChatGPT’ หรือโมเดลภาษาชั้นนำอื่น ๆ ลูกค้าสามารถใช้ Natural-Language Prompts ภายใต้ระบบข้อมูล CRM เพื่อเข้าใช้งานระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาและสร้างคอนเทนต์ได้เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น

Einstein GPT ถูกสร้างขึ้นโดยรวมข้อมูลจาก ‘Business Partner Salesforce Ecosystem’ และ ‘ข้อมูลของลูกค้าที่มีอยู่แบบเรียลไทม์จากแพลตฟอร์ม Salesforce Data Cloud’ ซึ่งนำมาเชื่อมต่อกับ ‘OpenAI’ และโมเดลอื่น ๆ ที่ใช้ในธุรกิจ โดยลูกค้าสามารถใช้ Natural-language prompts ภายใต้ระบบ CRM ของ Salesforce เพื่อสร้างคอนเทนต์หรือข้อความอัตโนมัติ

ประโยชน์ของ Einstein GPT ในด้านต่างๆ

เช่น Einstein GPT for Sales ช่วยในงานขายเช่นการร่างอีเมล, สร้างตารางการประชุม และการโต้ตอบในบทสนทนาแบบอัตโนมัติ

Einstein GPT for Service ช่วยในงานบริการเพื่อสร้างเอกสารและตอบกลับลูกค้าด้วยเนื้อหาเฉพาะบุคคล

Einstein GPT for Marketing ช่วยในงานการตลาดเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเจาะจงและ personalized ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่นอีเมล, โทรศัพท์มือถือ, เว็บไซต์ และโฆษณา, Einstein GPT for Slack Customer 360 apps เพิ่มประสิทธิภาพการนำเสนอข้อมูลลูกค้าผ่าน AI บนแอปพลิเคชัน Slack, Einstein GPT for Developers ช่วยในการสร้างโค้ดและสร้างคำถามสำหรับภาษาต่าง ๆ เช่น Apex เป็นต้น

Einstein GPT สามารถทำงานร่วมกับโมดูลต่าง ๆ ของ Salesforce ในแต่ละงาน เช่นช่วยฝ่ายขายร่างอีเมล, บอตตอบลูกค้าอัตโนมัติ, สร้างสรรค์เนื้อหาเว็บไซต์สำหรับลูกค้า, ทำสรุปเนื้อหาเพื่อการนำเสนอ และช่วยเขียนโค้ดได้ด้วย

นอกจากนี้ Slack ยังประกาศรองรับแอปย่อย ChatGPT สำหรับ Slack ซึ่งเป็นตัวช่วยสำหรับงานต่าง ๆ เช่นการเขียนสรุปเนื้อหาจากห้องแชท, การค้นหาคำตอบจากคำถามในการสนทนา และการร่างจดหมายหรือข้อความตอบ

สรุป

Salesforce Einstein GPT เป็นโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้ธุรกิจใช้ประโยชน์จากการ Generative AI สำหรับกรณีการใช้งานต่างๆด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจและสร้างข้อความที่เหมือนมนุษย์ Einstein AI สามารถปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างมากปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ และขับเคลื่อนการเติบโต การทำตามขั้นตอนการเตรียมข้อมูลและการประมวลผลล่วงหน้า การฝึกอบรมโมเดลภาษา

การปรับแต่งสำหรับงานเฉพาะ ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มที่จึงทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรม และด้วยศักยภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงจึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจต่างๆ กำลังมองหาการนำ EinsteinGPT ไปใช้ในการดำเนินงานมากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
B2C ควรใช้ Salesforce
บทความ

ทำไมธุรกิจกลุ่ม B2C ควรที่จะใช้ระบบ CRM ?

การดำเนินธุรกิจกลุ่ม B2C ( Business-to-Customer) ต้องการระบบที่จะเข้ามาช่วยจัดการกับลูกค้าที่มีความซับซ้อนและมีปริมาณมาก จึงเป็นที่มาของการที่จะต้องตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า และการเชื่อมต่อกับ Partner และช่องทางการขายอื่น ๆ การใช้ Salesforce เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจ B2C สามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3 เหตุผลที่กลุ่มธุรกิจ B2C ควรใช้ Salesforce

1.การจัดการลูกค้าที่เป็นระบบ: Salesforce มีระบบการจัดการลูกค้าที่เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจ B2C ในการติดตามข้อมูลลูกค้า การซื้อขาย และการสื่อสาร ทั้งการบันทึกข้อมูลลูกค้า การติดตามประวัติการสั่งซื้อ การจัดตารางการติดต่อลูกค้า และการสร้างการติดตามลูกค้าอัตโนมัติ เพื่อให้ธุรกิจสามารถให้บริการที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.การเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย: Salesforce มีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการขายของธุรกิจ B2C ผ่านการจัดการข้อมูลลูกค้า เครื่องมือการบริหารการขายออนไลน์ การติดตามและการประเมินผลการขาย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของทีมขาย วิเคราะห์การขาย และพัฒนายอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์: Salesforce มีการรวมข้อมูลลูกค้าที่ทันสมัยและการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ที่ช่วยให้ธุรกิจ B2C สามารถปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด การสร้างสินค้าและบริการใหม่ และการทำเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ทันสมัยได้ นอกจากนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้ายังช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจลูกค้าในระดับลึกมากขึ้น เพื่อให้สามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

B2C หรือธุรกิจที่เน้นขายสินค้าหรือบริการตรงไปยังผู้บริโภคทั่วไป, เป็นกลยุทธ์การตลาดที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง องค์ประกอบหลักของธุรกิจ B2C คือความสะดวกในการเข้าถึงผู้บริโภค ซึ่งสามารถขายผ่านช่องทางออนไลน์หรือสื่อโซเชียลได้อย่างง่ายดายและมีความหลากหลายในการเสนอสินค้าหรือบริการ

ธุรกิจประเภท B2C มักเน้นการตอบโจทย์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคทั่วไป และมีการเฉพาะเจาะจงตามตลาดผู้บริโภค อย่างเช่นการขายเครื่องสำอางค์ ขายเสื้อผ้า ขายอาหาร ขายเครื่องซักผ้า ขายรถยนต์ ให้บริการทำเล็บ หรือบริการทัวร์ และอื่น ๆ

ในปัจจุบัน, ธุรกิจประเภท B2C มักใช้ช่องทางออนไลน์และสื่อโซเชียลเป็นหลักในการเผยแพร่สินค้าหรือบริการ เนื่องจากช่องทางเหล่านี้ช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีความหลากหลายในการเลือกซื้อมากขึ้น

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
CRM ช่วยให้ธุรกิจเติบโต
บทความ

กุญแจสำคัญของ CRM ที่ทำให้ธุรกิจเติบโต

วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าอะไรคือกุญแจสำคัญในการใช้ระบบ CRM เพื่อให้ธุรกิจเติบโตขึ้น 

แน่นอนว่าลูกค้าคือหัวใจสำคัญของธุรกิจหากไม่มีลูกค้าธุรกิจก็ไม่สามารถที่จะอยู่ได้ เพราะเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่จะต้องมีการบริการลูกค้าที่ดีหากไม่มีการบริการที่ดีและรวดเร็วก็อาจจะทำให้สูญเสียลูกค้าไปกับคู่แข่งได้มากไปกว่านั้นแพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) จะช่วยให้เข้าใจลูกค้าและความต้องการได้ดียิ่งขึ้น โดยการเก็บข้อมูลของลูกค้า Customer journey ตั้งแต่ต้นจนถึงปิดการขาย

CRM มีความจำเป็นต่อความสำเร็จในธุรกิจระยะยาว

แพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) มีความสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ ธุรกิจต่างๆสามารถจัดการการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาส และปรับปรุงการบริการลูกค้าโดยการทำงานอัตโนมัติและทำหน้าที่เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลลูกค้า

มาดู 5 เหตุผลว่าทำไมแพลตฟอร์ม CRM จึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร

1. การจัดเก็บและการบริหารข้อมูลลูกค้า: การนำเข้าและจัดเก็บข้อมูลลูกค้าให้เป็นระบบชัดเจนจะช่วยให้ธุรกิจมีฐานข้อมูลที่เต็มเปี่ยมด้วยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับลูกค้า ทำให้สามารถวิเคราะห์และเข้าใจลูกค้าได้อย่างละเอียด และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น การบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าด้วย CRM จะช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในการค้นหาข้อมูล และเพิ่มความมั่นใจในความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลลูกค้าเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น

2. การสร้างความสัมพันธ์และความลึกซึ้งกับลูกค้า: CRM ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้อย่างราบรื่น โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมซื้อขายของลูกค้า ประวัติการติดต่อ และความต้องการอื่นๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองและบริการลูกค้าในระดับที่สูงขึ้น การสร้างความลึกซึ้งในความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าจะช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจและความลุ่มลึกในธุรกิจ

3. การวิเคราะห์และการนำเสนอข้อมูล: CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ด้วยรายงานและแดชบอร์ดที่สร้างขึ้นมาเฉพาะ ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า วิเคราะห์แนวโน้ม และจัดทำรายงานที่ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. การติดตามและการบริการหลังขาย: CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามการซื้อขายและการบริการหลังขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบสถานะของคำสั่งซื้อ ประวัติการสั่งซื้อ และการติดตามปัญหาหรือข้อร้องเรียนของลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถให้บริการลูกค้าในระยะยาวได้ดีขึ้นและสร้างความพึงพอใจในลูกค้า

5. การปรับปรุงกระบวนการธุรกิจ: CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกระบวนการธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการการขาย การบริการลูกค้า และการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยข้อมูลที่เก็บรวบรวมจาก CRM ธุรกิจสามารถตรวจสอบปัญหาและพัฒนากระบวนการธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพในการดำเนินธุรกิจได้

สรุป

จาก 5 ข้อด้านบนที่ผู้อ่านได้อ่านมาจะกุญแจสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จแต่ในหลายๆธุรกิจอาจมีกุญแจและมุมมองที่แตกต่างกันไปตามความเฉพาะของธุรกิจและกลุ่มลูกค้าที่เป้าหมาย

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
Mulesoft คืออะไร
บทความ

Mulesoft คืออะไร

วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับซอฟแวร์ที่ชื่อว่า Mulesoft ตั้งแต่ประวัติของ Mulesoft, Mulesoft คืออะไร, Mulesoft ทำอะไรได้ และ Mulesoft มีประโยชน์อย่างไร

ประวัติของ Mulesoft

MuleSoft เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการทำโซลูชัน integration โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยคุณ Ross Mason และ Dave Rosenberg โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนในการรวมแอปพลิเคชัน ข้อมูล และอุปกรณ์ภายในองค์กร โดยมีผลิตภัณฑ์เรือธงของ MuleSoft เรียกว่า Anypoint Platform โดยมีความสามารถรวมระบบที่ช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ แอปพลิเคชัน และแหล่งข้อมูลได้อย่างราบรื่น มันมีเครื่องมือและบริการที่ครอบคลุมอย่างครบถ้วนเพื่อออกแบบ สร้าง ปรับใช้ จัดการ และตรวจสอบการรวมระบบและ API (Application Programming Interfaces) ต่าง ๆ มากไปกว่านั้น MuleSoft เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Salesforce มาตั้งแต่ปี 2018

ประโยชน์ของ Mulesoft

ฝ่ายไอทีใช้เวลา 71% ในการ “รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแอพลิเคชั่นให้กับบริษัท” ซึ่งเหลือเวลาเพียง 29% สำหรับ Innovation จากการวิจัยของ MuleSoft บอกไว้ว่าการรวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแอพลิเคชั่นให้กับบริษัททำให้เป็นการขัดขวางธุรกิจจากการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

เมื่อบริษัทต่างๆ ใช้เครื่องมืออย่าง MuleSoft เพื่อเพิ่มเวลาด้าน IT และมอบโซลูชันแบบ low-code ให้กับทีม ทั้งองค์กรจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำงานได้เร็วขึ้น มีข้อมูลรายงานว่าลูกค้าของ MuleSoft สามารถส่งมอบ Project ได้เร็วขึ้นถึงสามเท่า

และนี่คือตัวอย่าง 3 ข้อประโยชน์ของ Mulesoft

1.MuleSoft ช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อและรวมระบบต่าง ๆ แอปพลิเคชัน และแหล่งข้อมูลได้อย่างราบรื่นมีเครื่องมือและคอนเนกเตอร์ต่างๆ ที่ช่วยลดความซับซ้อนในการเชื่อมต่อระบบและการเข้าถึงข้อมูล ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการธุรกิจ และเพิ่มความร่วมมือระหว่างทีมงานและแผนกต่าง ๆ

2.Mulesoft พัฒนาแอปพลิเคชันอย่างรวดเร็ว Anypoint Platform ของ MuleSoft มีเครื่องมือและคุณสมบัติที่ช่วยเร่งการพัฒนาแอปพลิเคชัน นักพัฒนาสามารถใช้คอนเนกเตอร์ที่สร้างไว้ล่วงหน้า แม่แบบ และคอมโพเนนต์ที่ใช้ซ้ำได้เพื่อสร้างแอปพลิเคชันและบริการได้อย่างรวดเร็ว อินเทอร์เฟซแบบกราฟิกและความสามารถในการออกแบบ API ยังช่วยลดความซับซ้อนในกระบวนการพัฒนา ช่วยลดเวลาสู่ตลาดของแอปพลิเคชันอย่างรวดเร็วขึ้น

3. Mulesoft API มีความสามารถในการออกแบบ จัดการ และรักษา API ให้สมบูรณ์และมั่นคง ผู้ใช้สามารถสร้าง API และตั้งค่าการเข้าถึง การควบคุมอัตราการใช้งาน การตรวจสอบผลการใช้งานของ API และการจัดการรุ่นและ Cycle ของ API ได้อย่างเหมาะสม

Mulesoft กับฝ่าย IT?

ฝ่ายไอทีเป็นหนึ่งในทีมที่สำคัญที่สุดในองค์กรในปัจจุบัน โดยการทำงานจะต้องทำให้สิ่งต่างๆทำงานได้อย่างราบรื่น ป้องกันข้อมูลขององค์กร และผลักดันธุรกิจไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ข้อเสียของการเป็นที่ต้องการ? ทีมไอทีมีคำขอและแนวคิดใหม่ๆ ท่วมท้น และอาจเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะทำทุกสิ่งให้สำเร็จ มีทีมไอทีเพียง 44% เท่านั้นที่เสร็จสิ้นโครงการทั้งหมดที่ขอให้ทำในปีที่แล้ว — 52% ที่ส่งมอบล่าช้า ตามรายงานเกณฑ์มาตรฐานการเชื่อมต่อของ MuleSoft สิ่งนี้ทำให้ธุรกิจทั้งหมดช้าลง และความท้าทายเหล่านี้จะยากขึ้นในการเอาชนะเมื่อทักษะของผู้ปฏิบัติงานหายากขึ้นและงบประมาณที่เข้มงวดมากขึ้น

นั่นเป็นเหตุผลที่ MuleSoft เป้าหมายของเราคือการทำให้งานด้าน IT ง่ายขึ้น

สรุป

Mulesoft เป็นหนึ่งในเครื่องมือ Integration ที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน โดยเราสามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มต่างๆ ให้ความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพในการผสานรวมแอปพลิเคชัน ในปัจจุบันเทคโนโลยีกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และทุกคนต้องการข้อมูลที่อัปเดตตามเวลาจริง เช่น การดูแลสุขภาพ อีคอมเมิร์ซ ฯลฯ ในสถานการณ์เช่นนี้ Mulesoft เป็นโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันจำนวนมากและให้การอัปเดตตามเวลาจริงและอัพเดทในทุกๆช่องทางต่างๆได้พร้อมกัน

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

3

ทดลองฟรี
1 2 3 4 5

ร่วมทดลอง CRM #1 ของโลกฟรี 30 วัน

Get a Quote

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

Save