Articles Tagged with

CDP

มี CRM อยู่แล้ว จำเป็นต้องมี CDP หรือไม่?
บทความ

มี CRM อยู่แล้วจำเป็นต้องมี CDP หรือไม่?

บริษัทที่มีระบบการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) อยู่แล้ว อาจสงสัยว่าจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า (Customer Data Platform – CDP) เพิ่มเติมหรือไม่ ในการตอบคำถามนี้ จำเป็นต้องพิจารณาเป้าหมายและความต้องการของธุรกิจเฉพาะของบริษัท ดังนั้น เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

เหตุผลที่บริษัทอาจจำเป็นต้องมี CDP

  • บริษัทต้องการรวมข้อมูลลูกค้าที่หลากหลายแห่ง: ระบบ CRM มักจะเก็บข้อมูลลูกค้าเกี่ยวกับการติดต่อและกิจกรรมของลูกค้าภายในองค์กร อย่างไรก็ตาม CDP ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เช่น ระบบการขายออนไลน์ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และช่องทางอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจมีภาพรวมของลูกค้าที่ครอบคลุมและละเอียดมากขึ้น

 

  • บริษัทต้องการความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับลูกค้า: CRM ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจและติดตามกิจกรรมของลูกค้าได้ แต่ CDP มุ่งเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ธุรกิจมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับพฤติกรรม ความต้องการ และความพึงพอใจของลูกค้า ด้วยการรวมข้อมูลจากแหล่งที่ต่างกัน ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์ที่กำหนดเองให้แก่ลูกค้าได้

 

  • บริษัทต้องการการทำงานร่วมกันของฟังก์ชั่นต่างๆ: โดยทั่วไป CDP จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ฟังก์ชันต่างๆ ภายในองค์กรเชื่อมต่อกันและทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ CRM และระบบการตลาด (Marketing Automation) ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพในการสร้างแคมเปญการตลาดที่เต็มไปด้วยความส่วนตัวและปรับกลยุทธ์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

  • บริษัทต้องการการติดต่อลูกค้าที่เป็นมิตรและเน้นบุคคล: การมี CDP ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์การติดต่อที่เป็นมิตรและเน้นบุคคลกับลูกค้าได้ ด้วยข้อมูลที่รวบรวมและวิเคราะห์อย่างละเอียด เช่น ประวัติการซื้อ ความสนใจ และความต้องการของลูกค้า ธุรกิจสามารถกำหนดและปรับปรุงการสื่อสารเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

  • บริษัทต้องการการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ: CDP ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าได้ในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการรวบรวม จัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลลูกค้าที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ ทำให้ธุรกิจสามารถทำความเข้าใจลูกค้าในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น และตอบสนองต่อความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

การมี CDP เพิ่มเติมหลังจากมีระบบ CRM ขึ้นอยู่กับความต้องการของธุรกิจและเป้าหมายในการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งที่หลากหลาย วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลลูกค้าในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
5 ข้อดีของการมี CDP (Customer Data Platform)
บทความ

5 ข้อดีของการมี CDP (Customer Data Platform)

CDP (Customer Data Platform) เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยธุรกิจในการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าและใช้ข้อมูลนั้นเพื่อเข้าใจลูกค้าอย่างละเอียด โดยเชื่อมต่อข้อมูลจากแหล่งที่มาต่าง ๆ เพื่อสร้างภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับลูกค้าของธุรกิจ และในบทความนี้จะแสดงให้เห็นถึง 5 ข้อดีของการมี CDP

5 ข้อดีของการมี CDP

1.การเข้าใจลูกค้าอย่างละเอียด: CDP ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งที่มาต่าง ๆ เช่นเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน การซื้อสินค้า และสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อข้อมูลเหล่านี้รวมกันในแพลตฟอร์มเดียว ธุรกิจจะมีภาพรวมที่ครอบคลุมและเข้าใจลูกค้าอย่างละเอียดมากขึ้น เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์การตลาดและการบริการให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.การปรับแต่งประสบการณ์ลูกค้า: ด้วยข้อมูลที่รวบรวมจาก CDP ธุรกิจสามารถปรับแต่งประสบการณ์ลูกค้าให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ตั้งแต่การส่งข้อความที่กำหนดเอง การแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ ไปจนถึงการจัดส่งข้อความที่ทันสมัยและมีคุณค่าต่อลูกค้า ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าได้

3.การปรับกลยุทธ์การตลาด: CDP ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์และทำคาดการณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมลูกค้าได้ ทำให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายและตลาด เมื่อมีข้อมูลนี้ธุรกิจสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมและเต็มประสิทธิภาพขึ้น ตั้งแต่การเลือกและการจัดส่งข้อความการตลาด ไปจนถึงการวางแผนกลยุทธ์การตลาดในอนาคต

4.การพัฒนาสินค้าและบริการ: ด้วยข้อมูลลูกค้าที่รวบรวมจาก CDP ธุรกิจสามารถทำความเข้าใจความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าได้ละเอียด จากนั้นสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจสามารถเสนอสินค้าและบริการที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์ได้

5.การบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ: โดยใช้ CDP เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า ธุรกิจสามารถทำการบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความปลอดภัยของข้อมูล และการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับลูกค้า

สรุป

CDP เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเพิ่มความภักดีของลูกค้า โดยช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าอย่างละเอียด ปรับแต่งประสบการณ์ลูกค้า ปรับกลยุทธ์การตลาด พัฒนาสินค้าและบริการ และบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความภักดีและความพึงพอใจของลูกค้าในระยะยาว ทำให้ธุรกิจมีความสำเร็จในการดูแลลูกค้าและเติบโตอย่างมั่นคงมากขึ้นได้

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
CDP (Customer data platform)
บทความ

วิวัฒนาการของ CDP (Customer Data Platform)

วันนี้เราจะมาพูดถึงวิวัฒนาการของ CDP

ในยุคดิจิทัลปัจจุบันธุรกิจต่างต้องเผชิญกับข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาลความท้าทายเลยอยู่ที่การจัดการ วิเคราะห์ และใช้ข้อมูลให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Satisfaction) เพิ่มประสิทธิภาพ และผลักดันการเติบโตของธุรกิจจึงเกิดการพัฒนาของแพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้าที่เรียกกันว่า CDP

เกริ่นนำ

CDP คือระบบซอฟต์แวร์ที่รวบรวมและจัดการข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาจากหลายแหล่งหลายช่องทาง (Customer Touchpoints) เช่น เว็บไซต์ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แอปบนมือถือ และแบบออฟไลน์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างโปรไฟล์ลูกค้าและรวบรวมใช้ข้อมูลเพื่อปรับแต่งการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงแคมเปญทางการตลาดที่จะส่งออกไปหาลูกค้าด้วย

CDP ในช่วงแรก

แนวคิดของการจัดการข้อมูลลูกค้าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ CDP รุ่นแรกเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2010 CDP โดยถูกพัฒนาให้มุ่งเน้นไปที่การรวบรวมข้อมูลเป็นหลัก โดยไม่สามารถที่จะใช้แดชบอร์ดในการวิเคราะห์และเปิดใช้งานข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ ผลที่ตามมาคือกว่าจะนำข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมมาวิเคราะห์ก็อาจจะทำให้เทรนของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้ว

การเกิดขึ้นของ CDP รุ่นที่สอง

เมื่อความต้องการการที่จะใช้ข้อมูลเพื่อเรียกดูแบบแดชบอร์ดและการเปิดใช้งานข้อมูลแบบเรียลไทม์เพิ่มขึ้น CDP รุ่นที่สองก็ถือกำเนิดขึ้นในช่วงกลางปี 2010 CDP รุ่นที่สองมีคุณสมบัติขั้นสูงมากขึ้น เช่น ความสามารถในการแบ่งกลุ่มข้อมูลลูกค้า(Segmentation) สร้างแบบจำลองเพื่อใช้ในการ Forecast และสามารถทำการตลาดแบบส่วนบุคคล(Personalization) ได้แบบเรียลไทม์ CDP รุ่นที่สองยังรวมช่องทางข้อมูลออฟไลน์เข้ามาเก็บรวบรวมอีกด้วย

CDP รุ่นที่สาม

ด้วยความคาดหวังที่เปลี่ยนไปของลูกค้าและความพร้อมใช้งานของเทคโนโลยีใหม่ๆของผู้บริโภค CDP รุ่นที่สามจึงเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา CDP รุ่นใหม่ๆถูกออกแบบมาเพื่อจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลที่สร้างโดยลูกค้าที่ประกอบไปด้วยช่องทางการเข้ามาที่หลากหลาย (Tochpoints) และใช้ AI เพื่อการเรียนรู้เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำเกี่ยวกับลูกค้าคนนั้นๆ

อนาคตของ CDP

เมื่อ AI และแมชชีนเลิร์นนิงก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง CDP ก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น CDP จะช่วยให้สามารถคาดการณ์พฤติกรรมและความชอบของลูกค้าได้แม่นยำยิ่งขึ้น และจะสามารถทำงานด้านการตลาดและการบริการลูกค้าจำนวนมากได้โดยอัตโนมัติ (Automation) นอกจากนี้ CDP ยังสามารถรวมเข้ากับเทคโนโลยีอื่นๆได้ เช่น Marketing automation tools เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าในทุกช่องทาง

ตัวอย่างการใช้ CDP ในสถานการณ์จริง

CDP ถูกใช้ในสถานการณ์จริงที่หลากหลาย ตั้งแต่อีคอมเมิร์ซไปจนถึง Healthcare นี่คือตัวอย่างบางส่วน

E-commerce: ผู้ค้าปลีกออนไลน์ใช้ CDP เพื่อรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากเว็บไซต์ ช่องทางโซเชียลมีเดีย และแคมเปญการตลาดผ่านอีเมลจากข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมมา E-commerce สามารถสร้างแคมเปญอีเมลที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นซึ่งปรับให้เป็นแบบส่วนตัว(Personalized) ตามพฤติกรรมการเข้าดูสินค้าและการซื้อสินค้า

Healthcare: ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพใช้ CDP เพื่อจัดการข้อมูลผู้ป่วยใน Touchpoints ต่างๆ เช่น กำหนดการนัดหมาย เวชระเบียน การเรียกดูประวัติผู้ป่วยได้จากทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ และการเรียกเก็บเงิน

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
CRM VS CDP
บทความ

CRM กับ CDP ต่างกันอย่างไรและควรเลือกใช้อันไหน? (2023)

วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูขัอแตกต่างระหว่าง CRM (Customer relationship management) กับ CDP (Customer data platform) ว่าทั้งสองตัวนี้แตกต่างกันอย่างไรและแบบไหนที่ใช่สำหรับองค์กรหรือบริษัทของเรา

CRM และ CDP ทั้งสองแพลตฟอร์มถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดการกับข้อมูลลูกค้าทั้งคู่

CRM เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการสื่อสารระหว่างบริษัทกับลูกค้าและผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า มุ่งเน้นกิจกรรมด้านการขาย การตลาด และการบริการลูกค้า CRM เปรียบเสมือนบ้านสำหรับข้อมูลลูกค้าทั้งหมด ครอบคลุม Customer Journey ลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นให้ความสนใจ จนกระทั่งกลายเป็นลูกค้าและให้บริการหลังการขาย หลักๆมักจะถูกใช้ต่อยอดและส่งเสริมหลังการขาย

ในทางกลับกัน CDP จะทำหน้าที่เป็นเหมือนถังเก็บข้อมูลที่คอยรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลายแหล่งเข้าด้วยกันและสร้างข้อมูลที่ได้รวบรวมมานั้นให้เป็นมุมมองแบบ 360 ของลูกค้าแต่ละรายบุคคล CDP นั้นสามารถรับข้อมูลแบบเชิงรับมากกว่า(passive way of acquiring data) เนื่องจาก CDP นั้นใช้เพื่อเก็บข้อมูลจากการที่ลูกค้าเข้ามาเองและดูการมีส่วนร่วมของลูกค้าในช่องทางต่างๆของเรา เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือ อีเมล์

ต่อไปเรามาเจาะลึกแต่ละตัวกันดีกว่า

เริ่มกันที่ CRM

CRM คือที่ที่ทีมการตลาด การขาย และทีมซัพพอร์ตจะคอยป้อนข้อมูลเกี่ยวกับการสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งรวมถึงบันทึกจากการโทร การแชทกับลูกค้า การให้บริการหลังการขายหน้าร้านหรือออนไลน์และคะแนนการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า CRM เป็นแหล่งที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดเกี่ยวกับลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนรับข้อมูลแบบเดียวกันไม่ว่าจะอยู่ทีมไหนในบริษัทและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อให้เกิดความพึงพอใจมากที่สุด

อย่างที่ได้บอกไปข้างบนว่า CRM นั้นหลักๆจะถูกใช้งานเพื่อต่อยอดและส่งเสริมหลังการขาย เช่น การใช้ CRM ทำ Loyalty โปรแกรมเพื่อสะสมแต้มสมาชิกตัวอย่างที่เห็นอย่างได้ชัดก็คือ สถานีบริการน้ำมันต่างๆที่เวลาเราไปเติมจะมีบัตรสะสมแต้มให้เราสมัครฟรีและคอยส่งข่าวมาที่อีเมล์หรือหาเราที่บ้านเวลามีโปรโมชั่นต่างๆ (แต่ต้องเป็นสมาชิกที่สมัคร)

CDP

ส่วน CDP นั้นถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวมข้อมูลจากทุกช่องทางให้มาอยู่ในที่ที่เดียวไม่ว่าลูกค้าจะเข้ามาจากช่องทางไหนก็ตามข้อมูลก็จะถูกอัพเดทโดยอัตโนมัติอีกด้วยเช่น ลูกค้าคนคนเดียวกันได้มีการพูดคุยสอบถามผ่าน Facebook ต่อมาเขาไปคุยกับเราบน Website และต่อมาอาจจะมาคุยกับเราผ่าน Line ตัวระบบ CDP นั้นก็จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดและข้อมูลเหล่านั้นจะถูกดำเนินการรวมโดยอัตโนมัติว่าเขาคนนั้นคือลูกค้าคนคนเดียวกันกับที่คุยกับเราผ่านทั้งสามช่องทางโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยตัวข้อมูลจะถูก Merge เองโดยอัตโนมัติ

แบบไหนที่เหมาะกับเรา ?

ก็คงต้องถามตัวเราเองว่าเราต้องการอะไรระหว่างการเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางให้มาอยู่ในที่ที่เดียวกับการที่เราต้องการซอฟแวร์สักอย่างหนึ่งที่จะมาช่วยให้เราให้บริการหลังการขายกับลูกค้ามีการ Upsell และมีการยิง Marketing Automation ออกไปหาลูกค้าเพื่อให้เกิดการ

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
CDP
บทความ

CDP คืออะไร ? (Customer Data Platform) 2023

วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ CDP กันว่ามันคืออะไร และทำไมปัจจุบันหลายๆบริษัทหรือหลายๆสื่อถึงพูดคำว่า CDP กันมากขึ้น

CDP คืออะไร ?

CDP หรือ Customer Data Platform ก็คือหนึ่งในเครื่องมือ Martech ที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางให้มาอยู่ในที่ที่เดียว จากในภาพเราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าข้อมูลของลูกค้าทุกอย่างจะถูกนำมาเก็บไว้ที่ตัวของ CDP เช่น Personal demographic เพศ อายุ ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าในซื้อหรือเข้าถึงแบรนด์ (Customer Journey) ข้อมูลในการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ข้อมูลการชำระเงินโอนเงิน และข้อมูล Device ที่ลูกค้ามีการใช้ติดต่อซื้อสินค้าพูดคุยหรือเห็นโฆษณาก็จะถูกนำมารวบรวมอย่างที่ได้บอกไปข้างต้น

และเมื่อข้อมูลถูกส่งเข้ามาอยู่ที่ตัว CDP แล้วนักการตลาดก็จะทำการ Segmentation ว่าลูกค้าคนคนนี้จัดอยู่ในหมวดหมู่และประเภทอะไรเพื่อที่เราจะแยกกลุ่มลูกค้าของเราให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเพื่อการทำการตลาดให้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุดและตรงใจกับลูกค้ามากที่สุดเมื่อเราได้ทำการ Segmentation เสร็จแล้วก็จะมีการคาดการณ์ (Predictive) ว่าจากข้อมูลลูกค้าที่เราได้รับมาและแบ่งแยกกลุ่มลูกค้าเรียบร้อยแล้วนั้นลูกค้าจะชอบแคมเปญการตลาดแบบไหนมากที่สุดก่อนที่จะยิงแคมเปญด้านการตลาดออกไป

ซึ่งในช่องต่อไปก็คือช่อง Channels หมายความว่าเราสามารถส่งแคมเปญด้านการตลาดของเราผ่านตัว CDP ไปหยั่ง Channels ที่เรามีอยู่แล้วได้เลยไม่ว่าจะเป็น Email, Push Messaging, SMS, Social medias , Direct mail หรือบน Website เวลาที่ลูกค้าเข้ามาดูจะมีการแจ้งเตือนเป็น Web-push

Customer Data Platform (CDP)

ภาพจาก

https://econsultancy.com/

CDP จำเป็นต้องมีหรือไม่ ?

อันที่จริงแล้วจะมีหรือไม่มีก็ได้

ต้องขอบอกว่าขึ้นอยู่กับธุรกิจและกลุ่มลูกค้าของบริษัทหรือร้านค้านั้นๆว่าประกอบธุรกิจอะไรอยู่และมีฐานลูกค้าเยอะขนาดไหน ถ้าฐานลูกค้าของคุณไม่ได้เยอะ CDP ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ แต่ถ้าฐานลูกค้าของเราเยอะอย่างเช่นกลุ่มธุรกิจที่เป็น FMCG industry ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจำเป็นต้องมี CDP เข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้าและการรักษาลูกค้าไว้อย่างที่ได้บอกไปว่า CDP นั้นจะเก็บข้อมูลทั้งหมดของลูกค้าที่เข้ามาโดยอัตโนมัติ ลองนึกภาพว่ากลุ่มธุรกิจ FMCG มีลูกค้ามากกว่า 100,000 คนแน่นอนอยู่แล้วและการที่จะเก็บข้อมูลลูกค้าต้องเป็นเรื่องที่ยากแน่ๆถ้าไม่มี CDP เข้ามาช่วยให้ลองนึกเล่นๆว่าต้องคีย์ข้อมูลของลูกค้าทุกคนทุกช่องทางที่เข้ามาและพฤติกรรม 100,000 คน คนที่ทำก็คงจะมีการเก็บข้อมูลที่ผิดพลาดตกหล่นและทำไม่ทันอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงบอกว่ามันขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจและลูกค้าของเราว่ามีเยอะมากน้อยขนาดไหน

 

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง Salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี
What is salesforce genie
บทความ

Salesforce genie คืออะไร ? (CDP)

Salesforce Genie CDP (Customer data Platform) คือแพลตฟอร์ม CDP เป็นหนึ่งในโซลูชั่นของทาง Salesforce เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างมากสามารถทำให้ธุรกิจได้รับมุมมองที่ครอบคลุมจากลูกค้า โดยการรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเข้าด้วยกันให้มาอยู่ในที่ที่เดียวโดยเราเรียกว่า Centralization ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะเข้ามาจากช่องทางไหนก็จะถูกเก็บมารวบรวมไว้ในที่ที่เดียวทำให้ข้อมูลไม่กระจัดกระจายเวลาที่จะนำมาใช้งานวิเคราะห์ก็สามารถทำได้โดยง่าย มากไปกว่านั้นสามารถจัดการข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้เข้าใจความต้องการและความชอบของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และข้อมูลที่รวบรวมสามารถใช้เพื่อสร้างมุมมองลูกค้าเดียวได้อีกด้วย(Personalization) ซึ่งสามารถใช้เพื่อปรับแต่งการสื่อสารกับลูกค้าและปรับปรุง customer engangement

Salesforce Genie ที่เป็นมากกว่า CDP

Customer data platform (CDP) ช่วยให้ธุรกิจต่างๆสามารถเข้าใจผู้บริโภคได้ดีขึ้นโดยการเก็บรวบรวมบันทึก First party data ที่เชื่อถือได้ของผู้ที่ติดต่อเข้ามาทุกคนและการใช้ Genie จะทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ไม่สำคัญว่าลูกค้าจะอยู่ในขั้นตอนการซื้อผลิตภัณฑ์หรือขั้นตอนการรับความช่วยเหลือหลังการขาย (Customer journey)

ด้วยความสามารถในการรวบรวมและจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ทำให้เราสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าปรับปรุงคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูล เพื่อนำไปทำ Personalized Marketing ให้กับลูกค้าได้เพื่อให้เกิดความพึงพอใจตั้งแต่ตอนที่ลูกค้าเข้ามาติดต่อสอบถาม หรืออยู่ในระหว่างขั้นตอนที่กำลังซื้อ จวบจนกระทั่งถึงการปิดการขาย นำไปสู่การมี Customer journey ที่ดีเมื่อมี Customer journey ที่ดีแล้วก็จะนำไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์หรือสินค้านั้นๆ (Customer Loyalty)

5 ข้อดีและประโยชน์จากการใช้งาน Salesforce Genie CDP

1. Salesforce Genie ช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนาและเพิ่ม Customer Engangement

ด้วยการรวบรวมและจัดการข้อมูลจากหลากหลายช่องทางให้มาอยู่ในที่ที่เดียวเพื่อให้ข้อมูลไม่กระจัดกระจายเพื่อให้เวลาที่จะนำมาใช้งานสามารถหาได้โดยง่ายไม่เสียเวลา และเมื่อมีข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาแล้วเราก็สามารถเข้าใจลูกค้าได้อย่างมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยปรับเปลี่ยนการสื่อสารหรือการยิงแคมเปญด้านการตลาดให้เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น(Personailzation) สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ยอดขายและรายได้ที่เพิ่มขึ้นในที่สุด

2.คุณภาพของ Data ที่เพิ่มขึ้น

Salesforce Genie ช่วยทำให้ข้อมูลลูกค้าเป็นมาตรฐานเดียวกันจาการเก็บข้อมูลของลูกค้าที่มาอยู่ในที่ที่เดียว ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มคุณภาพและความแม่นยำของข้อมูล สิ่งนี้จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของการตลาดและการขาย

3. ช่วยให้การทำ Personailzed marketing ดียิ่งขึ้น

ด้วยคุณภาพข้อมูลที่ดีขึ้น ธุรกิจสามารถใช้ Salesforce Genie เพื่อสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่เป็นแบบ Personalization มากขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงคำแนะนำส่วนบุคคล แคมเปญการตลาดที่ตรงเป้าหมาย และการสื่อสารที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าคนนั้นๆ ยกตัวอย่างเวลาที่เราดู Youtube หรือ Netflix จะมีการอัลกอริทึมแนะนำวีดีโอหรือหนังแนวที่เราชอบดูเป็นประจำ

4. จัดกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

Salesforce Genie ช่วยให้สามารถแบ่งกลุ่มลูกค้า(Segmentation) ได้ถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น การเก็บข้อมูลของลูกค้าไม่ว่าลูกค้าจะเข้ามาจากช่องทางไหนเราก็จะสามารถทราบได้ว่าลูกค้าคือคนคนเดียวกันเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า(customer satisfaction) และ สร้าง Customer journey ที่ดี มากไปกว่านั้นสามารถช่วยให้ธุรกิจยิงแคมเปญด้านการตลาดได้แม่นยำและถูกต้องมากยิ่งขึ้นจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาช่วยอีกทั้งยังช่วยปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

5.ทำให้ภายในองค์กรทำงานได้ง่ายขึ้น

เนื่องจาก Salesforce Genie นั้นมีเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ในที่ที่เดียว ดังนั้นคนในองค์กรไม่ว่าจะอยู่แผนกไหนก็ตามถ้าเกิดต้องการทราบข้อมูลของลูกค้าคนนั้นๆก็จะสามารถเข้าไปดูได้ที่ระบบเลย โดยไม่ต้องไปเสียเวลานั่งหาหรือนั่งถามว่าใครไปคนเก็บข้อมูลลูกค้าและสามารถเห็นได้ด้วยว่าใครเป็นคนอัพเดทหรือเก็บข้อมูลของลูกค้าคนนั้นๆเผื่อมีคำถามเพิ่มเติมที่ต้องการจะพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้า

สำหรับท่านที่ต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวแพลตฟอร์ม Salesforce สามารถอ่านได้ลิงค์ Salesforce คืออะไร ?

สรุป

Salesforce Genie นั้นเป็นเครื่องมือที่มีสิทธิภาพอย่างมากสามารถช่วยให้ธุรกิจได้รับมุมมองที่ครอบคลุมแบบ 360 โดยการรวมข้อมูลจากหลายแหล่งหลายช่องทางเข้าด้วยกันและให้มาเก็บไว้ในที่ที่เดียว ด้วยการรวบรวมและจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ธุรกิจสามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า(Customer engangement) เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า ปรับปรุงคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูล มากไปกว่านั้นสามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับเปลี่ยนการสื่อสารให้เป็นแบบส่วนตัว (Personalization) เพื่อทำให้เกิดความพึงพอใจของลูกค้าให้ได้มากที่สุด สิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากขึ้นและขับเคลื่อนการเติบโตให้กับบริษัทต่อไป

Get on the path to faster sales! 
Watch a guided tour or try free trial now!

มาร่วมทดลอง salesforce CRM #1 กันเถอะ

ทดลองฟรี

ร่วมทดลอง CRM #1 ของโลกฟรี 30 วัน

Get a Quote

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

Save